X

คืบหน้าลูกเลี้ยงแทงแม่เลี้ยงเสียชีวิตแล้ว ส่วนพ่ออยากให้ประหารลูกชาย ล่าสุด จับตัวได้แล้ว

ปราจีนบุรี – หลังเกิดเหตุลูกเลี้ยงแทงแม่เลี้ยงเสียชีวิตแล้ว ส่วนพ่ออยากให้ประหารลูกชาย ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับตัวได้แล้ว

เมื่อวันที่ 8 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณี นายวิลาศ คำเงิน อายุ 35 ปี ลูกเลี้ยง ใช้อาวุธมีดแทงที่ใต้ราวนมซ้าย 1 แห่ง นางสาวเผ่าทิพย์ วัฒนานนท์ อายุ 35 ปี แม่เลี้ยง จนทำให้ล่าสุดเสียชีวิตแล้ว ก่อนหลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.กบินทร์บุรี กำลังลงพื้นที่เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีนั้น โดยผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ที่เกิดเหตอีกครั้ง ยังพบร่องลอยคลาบเลือดของผู้เสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยพบกับ นายสนม คำเงิน อายุ 56 ปี บิดาผู้ก่อเหตุ ซึ่งนั่งอยู่ที่บ้านพัก พร้อมกับกล่าวว่า ตอนเกิดเหตุผมไม่อยู่ ผมออกไปส่องกบในท้องนา มีคนโทรมาตามว่า แฟนถูกแทงผมก็เลยวิ่งกลับ ส่วนคนที่แทงเป็นลูกชายของผมจริง ๆ ก่อนหน้านั้นก็อยู่ด้วยกันบนบ้าน แต่ก็อยู่ไม่ได้ ก็เลยพาลงมาอยู่ข้างล่าง เมื่อก่อนหน้านี้เขาก็ทำงาน แต่ก็มาเป็นสภาพนี้ มันกินทั้งเหล้าทั้งเสพยาบ้า ถ้าวันไหนไม่ได้กินเหล้า กินยาบ้า ก็เป็นปกติ จำได้ทุกอย่าง อยากให้ลูกมามอบตัว อยากให้ลงโทษประหารเลย โตแล้วก็น่าจะคิดได้

ส่วนนางบุญธรรม จั่นน้ำทรัพย์ ญาติ กล่าวว่า คนตายเขาเป็นคนดี หากินเลี้ยงครอบครัว รับจ้างทั่วไป ตัดอ้อย ใส่ปุ๋ย ส่วนพ่อคนก่อเหตุก็ทำงานไม่ไหวแล้ว เข้าโรงพยาบาลบ่อย


ส่วนความคืบหน้าในคดีนี้ ทางพนักงานสอบสวน ได้เชิญญาติและพยานในพื้นที่เข้ามาทำการสอบสวน  ที่ สภ.กบินทร์บุรี เพื่อเตรียมขอศาลออกหมายจับตัว นายวิลาศ คำเงิน อายุ 36 ปี ลูกเลี้ยง ที่อยู่บ้านเลขที่ 232/1 หมู่ 6  ต.เขาไม้แก้ว  อ.กบินทร์บุรี  มาดำเนินคดีต่อไป

ส่วนศพผู้เสียชีวิต คือ น.ส.เผ่าทิพย์ วัฒนานนท์ อายุ 37 ปี แม่เลี้ยง ทางญาติรอการผ่าพิสูจน์ศพเรียบร้อยแล้ว จะนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเขาไม้แก้ว


ล่าสุด ตำรวจสภ.กบินทร์บุรี ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.ศิวัชณัฎฐ์ คุ้มทรัพย์ ผกก.สภ.กบินทร์บุรี สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี โดยร่วมกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ออกค้นหาในป่าข้างหมู่บ้านซึ่งคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ กระทั่งเวลา 12.00 น. ผู้ก่อเหตุได้เดินอยู่ในป่าห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัว และนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยนายวิลาศให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นคนลงมือใช้อาวุธมีดแทงแม่เลี้ยงก่อน ฝ่ายแม่เลี้ยงเป็นคนใช้มีดแทง ตนเองจึงป้องกันตัวเอง หลังเกิดเหตุตกใจกลัว ไม่ได้หนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าและถูกควบคุมตัวได้ดังกล่าว


พ.ต.อ.ศิวัชณัฎฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ จึงนำตัวมาชี้ที่เกิดเหตุ โดยในตอนแรกผู้ก่อเหตุให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับสารภาพในเวลาต่อมา เหตุการณ์ทะเลาะกันเรื่องในครอบครัว ซึ่งเป็นปัญหาหมักหมมมานาน ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย


นางมะลิวรรณ พรมมา เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ได้ยินเสียงทะเลาะกันและทราบว่า มีการทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยปกติผู้ก่อเหตุเป็นคนกินเหล้า แล้วทะเลาะกับแม่เลี้ยงอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งมาก่อเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนไม่คิดว่า จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ผู้เสียชีวิตเป็นคนขยัน เป็นคนดี ทำงานหาเลี้ยงคนในครอบครัว ซึ่งเป็นลูกติดของสามี และเป็นที่รักของสามีและลูกเลี้ยงคนรอง


นายสนม คำเงิน สามี กล่าวว่า ตนเองขอยืนยันว่าภรรยาของตนเองเป็นคนดี ขยันทำมาหากิน ดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวอย่างดี ตลอดระยะเวลาที่อยู่ร่วมกันมาหลายปี ในส่วนที่ลูกชายของตนเองบอกว่า แม่เลี้ยงเป็นคนทำร้ายลูกชายตนเองก่อนนั้น อยากจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า ลูกชายของตนเองโกหก ตนเองรู้นิสัยของภรรยาดีว่าเป็นอย่างไร และนิสัยของลูกชายผู้ก่อเหตุเป็นอย่างไร รับไม่ได้กับการกระทำของลูกชายคนนี้ อยากให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


สำหรับศพของ นางสาวเผ่าทิพย์ ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ที่วัดโปร่งสะเดา โดยมีญาติและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวมาอยู่เป็นเพื่อนที่วัด บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกและเรียบง่าย ทางญาติยังไม่ได้ปรึกษากันว่า จะตั้งบำเพ็ญกุศลศพกี่คืน แต่ไม่เกิน 3 คืน ทั้งนี้ ต้องดูวันเวลาตามความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง


—————————-
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"