X

นายทุนเจ้าเล่ห์ รุกที่สาธารณะชุมชน แถมฟ้องเอาผิดนายอำเภอและ ผญบ.

นครพนม – นายทุนเจ้าเล่ห์ รุกที่สาธารณะชุมชน แถมฟ้องเอาผิดนายอำเภอและ ผญบ. ขณะนำเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินเพื่อออก นสล.

 

ปัญหานายทุนบุกรุกที่ชาวบ้าน มักจะมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ เช่นเดียวกับพื้นที่จังหวัดนครพนม ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นายบุญมี มังคละคีรี ผู้ใหญ่บ้านยางนกเหาะ หมู่ที่ 2 ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน ว่า มีนายทุนคนหนึ่งซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และเจ้าของบริษัทธุรกิจจำหน่ายหิน และทราย ยื่นฟ้องพวกตนจำนวน 5 คน ต่อศาลจังหวัดนครพนม ประกอบด้วย ว่าที่ร้อยตรี ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอท่าอุเทน จำเลยที่ 1 ตนเป็นจำเลยที่ 2 นายสุริยา มะสุใส นิติกรชำนาญการ เทศบาลตำบลเวินพระบาท จำเลยที่ 3 นายนิตย์ ราชปัญญา สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเวินพระบาท(ส.ท.) จำเลยที่ 4  และนายมนเทียน มังคละคีรี  จำเลยที่ 5 ในข้อหาบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์

โดยนายบุญมีเปิดเผยว่า เดิมทีที่ดินแปลงนี้ชาวบ้านยางนกเหาะใช้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์และเก็บของป่ากินร่วมกัน  ซึ่งได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ มีต้นไม้รกครึ้ม ปกติชาวบ้านมักจะนำสัตว์มาเลี้ยงในบริเวณนี้ประจำ ภายหลังทางหลวงชนบทเข้ามาตัดถนนผ่าน โดยก่อนจะมีการทำถนนนั้น ทางหลวงชนบทได้เข้ามาขอความเห็นจากชาวบ้านหมู่ที่ 2 บ้านยางนกเหาะ  ซึ่งมติในที่ประชุมยินดียกบางส่วนให้ทางหลวงชนบทใช้สร้างถนนเพื่อเป็นเส้นทางสัญจรไปมาระหว่างบ้านยางนกเหาะกับบ้านเชียงยืนที่มีอาณาเขตติดต่อกัน  ที่ดินดังกล่าวจึงถูกแยกออกเป็น 2 แปลง

ต่อมาประมาณปี 2558 เสี่ย ช. (นามสมมุติ) ได้เข้ามาขอเช่าที่จากชาวบ้านรายหนึ่ง  เพื่อเก็บวางหินภูเขาที่นำเข้าจากประเทศลาว โดยที่ดินที่เสี่ย ช.เช่านั้น ติดกับที่ดินสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน ด้านทิศตะวันตก ประมาณ 8 ไร่ ปรากฏว่าเสี่ย ช.ทราบว่าเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ จึงอาศัยช่องว่างของกฎหมาย นำรถแบคโฮ เครื่องมือหนักเข้าแผ้วถางตัดโค่นต้นไม้ทิ้ง แล้วปรับปรุงเป็นที่เก็บหินดังกล่าว ชาวบ้านต่างออกมาคัดค้านให้หยุดการกระทำ โดยนำปัญหาเข้าที่ประชุมหมู่บ้าน และมอบหมายให้ตนในฐานะผู้ใหญ่บ้าน พร้อมคณะกรรมการหมู่บ้าน ขอความช่วยเหลือจากนายอำเภอท่าอุเทน

และเมื่อราว ๆ เดือน เม.ย.2559 อำเภอท่าอุเทนร่วมกับเทศบาลตำบลเวินพระบาท ผู้นำชุมชนและคณะกรรมการหมู่บ้านยางนกเหาะ หมู่ 2 พร้อมด้วยช่างรังวัดจากสำนักงานที่ดินฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรวบรวมข้อมูลจัดทำรายละเอียด แต่เสี่ย ช.ยังไม่หยุดพฤติกรรมเหิมเกริม นำอุปกรณ์เครื่องมือหนักเข้าบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ฝั่งทิศตะวันออก โดยอ้างกรรมสิทธิ์การครอบครองที่ดินลำน้ำห้วยยาง และที่ดินรอบๆลำห้วยยาง ประมาณ 20-30 ไร่ กรรมการหมู่บ้านแจ้งให้เสี่ย ช.ทราบและห้ามเข้าไปบุกรุกอีก แต่กลับถูกพูดจาเยาะเย้ยว่าให้ไปฟ้องร้องต่อสู้กันทางกฎหมาย พร้อมคุยโวว่าตนมีเงินจะทำอะไรก็ได้

กระทั่งต้นปี 2561 นายอำเภอท่าอุเทน เป็นคนกลาง เชิญผู้เกี่ยวข้องและเสี่ย ช. ประชุมเพื่อหาข้อยุติ พร้อมให้แต่ละฝ่ายแสดงหลักฐานในการพิสูจน์สิทธิในที่ดินพิพาท โดยชาวบ้านต่างนำพยานบุคคลซึ่งเป็นคนเฒ่าคนแก่ให้ข้อมูลว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ร่วมกันมาช้านาน ขณะที่เสี่ย ช.กลับไม่มีเอกสารหลักฐานใดๆ มาแสดงแม้แต่ชิ้นเดียว ในที่ประชุมให้เวลาเสี่ย ช. 2 เดือน ในการหาข้อมูลและพยานหลักฐานมาประกอบคำพิจารณา เพื่อจะได้ทราบว่าใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตัวจริง และในช่วงระยะดังกล่าว ห้ามบุคคลใดเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวไว้ก่อน

แต่ เสี่ย ช. กลับสั่งให้ลูกน้องล้อมรั้วลวดหนาม ไม่ให้ชาวบ้านนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปกินหญ้าในบริเวณดังกล่าว ทั้งข่มขู่ว่าจะแจ้งจับชาวบ้านที่บังอาจบุกรุกเข้าไป ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีที่สาธารณะสำหรับสัตว์เลี้ยงอีกต่อไปแล้ว

ขณะเดียวกัน ว่าที่ร้อยตรี ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอท่าอุเทน ได้ส่งหนังสือแจ้งการขอขึ้นทะเบียนที่สาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน  เพื่อขอออกหนังสือสำคัญที่หลวง(นสล.) โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน ได้ออกมาทำการรังวัด โดยมีนายบุญมี มังคละคีรี ผู้ใหญ่บ้านยางนกเหาะ หมู่ 2 เป็นผู้นำชี้แนวเขตที่ดินพิพาท จนได้จำนวนเนื้อที่และแนวเขตที่ชัดเจน โดยมีทหารจากมณฑลทหารบกที่ 210(มทบ.210) ทหารกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ขณะทำการรังวัดเสี่ย ช.พยายามทำตัวเป็นผู้อยู่เหนือกฎหมาย เข้าไปคัดค้านประกาศก้องจะฟ้องทุกคนที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับที่ดินแปลงดังกล่าว

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2561 เสี่ย ช. ได้ยื่นฟ้อง นายอำเภอท่าอุเทน พร้อมพวกรวม 5 คน ในข้อหาบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ต่อศาลจังหวัดนครพนม จากเหตุการณ์ที่ได้พากันเข้าไปรังวัดที่ดินแปลงดังกล่าวเพื่อจะทำการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ซึ่งศาลฯนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยศาลได้แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยกันก่อนซึ่งนัดกันอีกครั้งในวันที่ 12 ธ.ค.2561

ในบัญชีพยานที่เสี่ย ช.ยื่นต่อศาลจังหวัดนครพนม มีจำนวนทั้งสิ้น 10 คน หนึ่งในนั้นชื่อนายคำแดง แก้วพุด ราษฎรบ้านยางนกเหาะ หมู่ 2 ต.เวินพระบาท โดยอ้างว่าได้ชื้อที่ดินพิพาทนี้จากนายคำแดง ตั้งแต่ปี 2558 ต่อมานายคำแดงได้เข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยให้ปากคำว่าไม่เคยขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่เสี่ย ช.ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด เนื่องจากตนไม่ใช่เจ้าของที่ดิน และยินดีที่จะเป็นพยานยืนยันในชั้นศาลต่อไป

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน