X

ตรัง ทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พลังประชารัฐนัดปิดห้องถกลับ วางแผนสู้ศึกเลือกตั้ง

ตรัง ทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พลังประชารัฐนัดปิดห้องถกลับ เตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในพื้นที่ และวางแผนการหาเสียงร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง พบว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรค เตรียมส่งผู้สมัครในนามพรรคตัวเองลงแข่งขันจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันกันสูง

ที่บ้านพักนายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ และเป็นหัวหน้าทีมสู้ศึกเลือกตั้ง 2566 นี้ นัดว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายกิตติพงศ์ ผลประยูร, เขต 2 นายทวี สุระบาล ,เขต 3 พ.ต.ท.นัทธพงศ์ ใจสมุทร  และเขต 4 พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์  โดยปิดห้องพูดคุยหารือกัน เพื่อร่วมกันวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในพื้นที่ และวางแผนการหาเสียงร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง พบว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรค เตรียมส่งผู้สมัครในนามพรรคตัวเองลงแข่งขันจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันกันสูง

นายนิพันธ์ ศิริธร กล่าวว่า สาระสำคัญที่นัดมาคุยกันในวันนี้   เพื่อประเมินแต่ละเขต ไม่ว่าจะเป็นเขตเลือกตั้งที่ 1, 2,3, 4 ของจังหวัดตรัง ว่าที่ผู้สมัครแต่ละท่านได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง มีจุดบกพร่องใดบ้างที่ต้องแก้ไข และที่สำคัญผู้สมัครทุกท่านต้องมีศักยภาพไม่ใช่เฉพาะแค่ในเขตของตัวเอง ซึ่งต้องมานั่งหารือกั นเพื่อจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  เป็นการรวมพลังสู้การเลือกตั้งครั้งนี้  โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว การเลือกตั้งแต่ละครั้งก็หนักสำหรับทุกคนและสำหรับทุกเขตอยู่แล้ว ทุกคนก็ต้องทุ่มเท เพื่อไปสู้ศึกในการเลือกตั้ง เพื่อชนะใจประชาชนให้ได้ การแข่งขันที่หนักทำให้ผู้สมัครขยันมากขึ้น  โดยกลยุทธ์การหาเสียงนับจากนี้ การลงพื้นที่ของผู้สมัครจะต้องนำเสนอตัวเอง นำเสนอนโยบายหรือเรื่องที่ตนมีความถนัด เพื่อจะชนะใจชาวบ้านให้ได้ และให้ชาวบ้านลงคะแนนเลือกเราเป็นผู้แทน  ส่วนเงินสำหรับการเลือกตั้งในทุกครั้งก็เข้ามามีบทบาทอยู่แล้ว และตนได้ย้ำไปยังผู้สมัครทั้ง 4 เขต ให้ใช้จ่ายตามที่กฎหมายเลือกตั้งกำหนด สิ่งที่ผู้สมัครจะนำไปต่อสู้กับอำนาจเงินได้ก็คือ  ลงพื้นที่  ทำอย่างไรก็ได้ให้ชาวบ้านรักเราและมั่นใจในตัวเรา  ซึ่งผู้แทนที่ชาวบ้านต้องการ แน่นอนว่าชาวบ้านคาดหวังว่าผู้แทนที่เขาเลือกไป จะไปทำหน้าที่ส.ส.ได้อย่างดี ประสานงานต่างๆได้  ชาวบ้านมีความทุกข์เดือดร้อนสามารถเข้ามาปรึกษาได้ ไม่ใช่ว่าเมื่อได้รับเลือกไปแล้วก็หายหน้าหายตาไป

 ส่วนการที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคลงพื้นที่จ.ตรังนั้น มีผลอะไรต่อคะแนนนิยในพื้นที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ นายนิพันธ์  กล่าวว่า  พล.อ.ประวิตร  ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการในตำบลนาโต๊ะหมิง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง การมาราชการในครั้งนั้นชาวบ้านได้สัมผัสกับพลเอกประวิตร  ซึ่งชาวบ้านรู้สึกได้ว่าท่านเป็นคนอบอุ่นและพึ่งพาอาศัยได้ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งผู้สมัครเองต้องขยันเพิ่มขึ้นลงพื้นที่มากขึ้น  และนับจากนี้จะต้องเร่งลงพื้นที่ จะมีการพบปะกลุ่มย่อยและมีการเปิดเวทีปราศรัยย่อย ให้ครบทุกตำบลหรือทุกหมู่บ้านได้จะยิ่งดี ทั้ง 4 เขต ตนก็อยากขอให้ผู้สมัครช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วย

ทั้งนี้  ตนต้องดูแลพื้นที่ภาคใต้ร่วมกับส.ส.ท่านอื่นด้วย ตนจะเน้นหนักดูแลในเขตที่รู้จักผู้คนในเขตนั้น หรือเคยรับราชการในพื้นที่นั้น เช่น จังหวัดพังงา จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดสตูล จังหวัดพัทลุงและจังหวัดชุมพร ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่ตนคุ้นเคย   สำหรับจังหวัดตรังพูดได้เลยว่า ทางพลังประชารัฐคาดหวังได้ทุกเขต ซึ่งหากผู้ที่ได้สัมผัสจะรับรู้ได้ว่าสิ่งที่ตนพูดไปไม่เกินเลย แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้สมัครจะสามารถชนะใจประชาชนได้หรือเปล่า  แต่อย่างไรก็มั่นใจ ซึ่งเป็นความมั่นใจว่า ความนิยมที่ประชาชนมีต่อผู้สมัคร ความนิยมที่มีต่อพรรค ไม่ได้ด้อยกว่าพรรคอื่น สามารถแข่งขันได้ทั้ง 4 เขต อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครทั้ง 4 เขต มีความรู้ความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งแต่ละคนก็มีแนวทางการทำงานที่จะอาสามาช่วยประชาชนในแนวทางที่ถนัดด้วย นอกเหนือจากนโยบายพรรค อาจมีนโยบายส่วนตัวหรือแนวทางส่วนตัวตามความรู้ความสามารถ โดยทางพรรคไม่ว่าจะคัดเลือกใครลงมาเป็นว่าที่ผู้สมัครก็ต้องดูกันที่ประสบการณ์การทำงาน มีความสามารถ และมีความรู้  ซึ่งพรรคก็พยายามคัดเลือกคนที่ดีที่สุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนเลือกผู้สมัครแต่ละเขต ก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกัน เมื่อมารวมกันก็จะกลมกล่อมพอดี จึงหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐมีโอกาสทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน