กรุงเทพฯ – นายอนุทิน ชาญวีรกูล เผย ศบค.มีมติปรับลดวงเงินประกันสุขภาพของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และลดตรวจหาเชื้อด้วย RT-PCR หวังกระตุ้นนักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางมาไทยง่ายขึ้น เพื่อประคับประคองผู้ประกอบการ ชี้ ค่ารักษาไม่เกิน 3 แสนบาทต่อราย สอดคล้องกับวงเงินประกัน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวกรณีที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. มีมติ ปรับลดวงเงินประกันสุขภาพของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย จาก 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือไม่เกิน 700,000 บาทต่อราย เนื่องจาก ถ้าติดโควิดฯ เฉพาะค่ารักษา จะตกอยู่ที่ไม่เกิน 3 แสนบาทต่อราย สอดคล้องกับวงเงินประกัน 20,000 ดอลลาร์ การปรับลดตรงส่วนนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจง่ายขึ้นในการเดินทางมาประเทศไทย
“อัตราการติดเชื้อของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ อยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 1,000 คน การติดเชื้อส่วนใหญ่มีขึ้นขณะอยู่ในประเทศไทย การเดินทางเข้ามาจึงไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยง ในอดีตที่ต้องเรียกเงินประกันถึง 50,000 ดอลลาร์ เพราะการแพร่ระบาดมาจากต่างประเทศ แต่วันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป การระบาดเกิดขึ้นในประเทศ ความเสี่ยงระบาดจากผู้ที่เดินทางเข้ามามีน้อยมาก จึงจำเป็นต้องปรับ เพื่อให้การท่องเที่ยวฟื้นขึ้นมาบ้าง ให้ผู้ประกอบสามารถอยู่ได้ จะมีผลในวันที่ 1 มี.ค.นี้” นายอนุทิน กล่าว
นอกจากนี้ ยังปรับการตรวจหาเชื้อโควิดในนักเดินทาง จากที่จะตรวจ RT-PCR ในวันที่ 5 ด้วย ก็ให้ปรับเป็นใช้ ATK ตรวจด้วยตนเองแทน เพราะวิธีนี้แม่นยำและเป็นที่ยอมรับทั่วไปอยู่แล้ว
นายอนุทิน เปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุม ศบค. ยังหารือถึงการแก้ไขปรับเพิ่มคู่สายด่วน 1330 สปสช. (สำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ให้เพิ่มโอเปอเรเตอร์มาก ได้กำชับ สปสช.ไปแล้ว ส่วนเรื่องการขยายเพิ่มโรงพยาบาลสนาม ขอย้ำว่า หากมีความจำเป็นต้องเพิ่ม สามารถจัดการเพิ่มขึ้นมาได้เลย
ทั้งนี้ ในสถานการณ์ที่มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ต้องขอความร่วมมือประชาชนและทุกภาคส่วน ให้ปรับพฤติกรรม หลีกเลี่ยง ไปในจุดที่มีผู้คนรวมตัวกันจำนวนมาก และเข้ารับวัคซีนตามเงื่อนเวลาที่กำหนด เพื่อช่วยลดอาการรุนแรงและโอกาสเสียชีวิต
