X

สั่งขนย้ายขยะอุตสาหกรรม-อิเลคทรอนิสก์ กลับต้นทางภายใน 15 วัน

สระแก้ว – อุตสาหกรรมชี้ขยะอุตสาหกรรม 300 ตันลักลอบขนมาที่ จ.สระแก้ว เป็นวัตถุอันตราย ถูกย้ายปลายทางจากระยองมาลงสระแก้วเกือบ 1 เดือน พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้รับอ้างเป็นเจ้าของกิจการ ด้าน ผวจ.สระแก้ว ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมสั่งขนย้ายขยะกลับต้นทางภายใน 15 วัน

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 8 ก.ค.62 นายสมศักดิ์ กรึงไกร หัวหน้าส่วนโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบจุดลักลอบนำขยะอุตสาหกรรมมาคัดแยกและทิ้งในพื้นที่เขตป่าโซนซี แนวเขาซับพลู-เขาภูหีบ หมู่ 8 บ้านหนองแก ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พบขยะประเภทต่าง ๆ รวมกว่า 300 ตัน ซึ่งภายหลังตรวจสอบเอกสารการขออนุญาตและต้นทางขยะดังกล่าว พบเป็นการนำขยะอันตรายเข้ามาในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยผิดกฎหมาย จึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว

 

นายสมศักดิ์ กรึงไกร หัวหน้าส่วนโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า การขนย้ายขยะลักษณะดังกล่าวถือว่า มีความผิดชัดเจน เพราะขยะที่ออกจากโรงงานต้นทางของ บ.ซันเทคเมททอล จำกัด ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จะต้องไปที่โรงงานอริสา รีไซเคิล จำกัด ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง และไม่สามารถนำออกไปที่อื่นได้ ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่า โรงงานทั้งสองแห่งกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนั้น ๆ ว่ามีความผิดตาม พรบ.โรงงานหรือไม่ และใครเป็นผู้กระทำผิด ส่วนผู้ประกอบการพื้นที่ จ.สระแก้ว ทางทางสำนักงานอุตสาหกรรมได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ หลังจากตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว ดำเนินคดีกรณีมีแรงงานชาวกัมพูชาเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต กรมป่าไม้ดำเนินคดีฐานบุกรุกพื้นที่ป่า ตาม พรบ.ป่าไม้ พรบ.ป่าสงวน และ พรบ.น้ำบาดาล ไปแล้วก่อนหน้านี้ด้วย

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ยังระบุด้วยว่า การเข้าตรวจสอบครั้งนี้ถือว่า ผู้ครอบครองและรับเป็นเจ้าของขยะทั้งหมด ซึ่งถือเป็นวัตถุอันตราย จำเป็นต้องอายัดและยึดไว้ พร้อมกับดำเนินคดีฐานครอบครองวัตถุอันตราย ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 2 แสนบาทและจำคุก 2 ปี หรือทั้งจำและปรับ หลังจากนั้นจะต้องดำเนินการนำขยะทั้งหมดกลับไปยังจุดโรงงานต้นทางตามกฎหมายด้วย

นายบุญยืน น้อยเจริญ ผู้รับเป็นเจ้าของพื้นที่จุดลักลอบนำขยะอุตสาหกรรมฯมาในพื้นที่สระแก้ว กล่าวยอมรับกับเจ้าหน้าที่ สำนักงานอุตสาหกรรมและเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ระหว่างเข้าตรวจสอบว่า ขยะนำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนเองได้เริ่มขนย้ายขยะทั้งหมดรวมกว่า 300 ตัน วันละ 1 รถบรรทุกพ่วง เข้ามาในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยไม่คิดว่าจะมีความผิดเพราะมีการทำใบขนย้ายแล้ว เนื่องจากโรงงานอาริสา รีไซเคิล จำกัด เลขที่ 83/1 ม.1 ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ซึ่งรับกำจัดและรีไซเคิลขยะมีพื้นที่รองรับไม่เพียงพอ หลังต้องรับขยะจำนวนมากจากต้นทางโรงงานซันเทค เมททอล จำกัด ที่รับบดย่อยรถยนต์เก่าเพื่อเอาเศษเหล็ก ที่ ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ทุกวัน จึงนำมาคัดแยกที่ จ.สระแก้ว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการรายนี้ได้ทราบด้วยว่า ขยะทั้งหมดที่ออกจากต้นทางที่ จ.ชลบุรี เพื่อไปยังโรงงานที่ จ.ระยอง ซึ่งเป็นโรงงานคัดแยกขยะประเภท 105 ต้องถูกนำไปที่โรงงานปลายทางเท่านั้น แต่กรณีนี้กลับถูกขนย้ายมาไว้ใน จ.สระแก้ว เพื่อทำการคัดแยกส่งขายอีกทอดหนึ่ง โดยใช้เส้นทางถนนสาย 331 แหลมฉบับ-บ่อวิน-เขาหินซ้อน ปลายทางที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว แล้วนำมาเทกองไว้ในบริเวณพื้นที่เขตป่าโซนซี ซึ่งเคยเป็นบ่อลูกรังเก่าที่ไม่มีวัสดุรองรับ ถือว่าไม่ถูกต้อง อีกทั้งพื้นที่ลักษณะนี้ไม่สามารถอนุญาตได้

ทางด้าน นายวิชิต ชาติไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมสั่งการให้นายอำเภอวังน้ำเย็น องค์การบริหารส่วนตำบล อุตสาหกรรมจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการขนย้ายขยะทั้งหมดออกจากพื้นที่ ภายใน 15 วัน เพื่อให้กรมควบคุมมลพิษเข้าตรวจสอบว่า มีสารพิษหรือวัตถุอันตรายตกค้างในพื้นที่หรือไม่ ส่วนการดำเนินคดีก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้กำชับให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เนื่องพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการลักษณะเช่นนี้ได้ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันสอดส่องดูแลกิจการลักษณะนี้ที่ก่อปัญหา ต้องมีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

—————————–

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"