X

เรียกร้องตั้งกรรมการสอบกรณีตรวจยึดรถ จยย.ล็อตใหญ่ 37 คัน ชายแดน จ.สระแก้ว

สระแก้ว – “อัมรินทร์ ยี่เฮง” เรียกร้องให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีมีการจับรถจักรยานยนต์เถื่อนล็อตใหญ่ 37 คัน แฉข้อมูลมีการที่เอื้อประโยชน์กัน ตั้งแต่นายทหารระดับนายร้อยที่ดูแลพื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางพื้นที่ มีการขับรถดูต้นทางให้กับกระบวนการดังกล่าว โดยรับค่าจ้าง 2,000 ต่อ 1 ตู้ และ 1 ตู้จะมีรถประมาณ 6 ถึง 8 คัน ก็จะได้อีกคันละ 1,000 บาท เบ็ดเสร็จแล้วต่อเที่ยวต่อ 1 ตู้ก็จะได้ค่านำทาง 10,000 บาท พร้อมเรียกร้องให้ ผบ.กองกำลังบูรพา หรือผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 ตั้งกรรมการสอบ ผบ.ร้อยฯ ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อวันที่ 14 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าภายหลังมีการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 37 คัน ของแก๊งเครือข่ายขนรถจักรยานยนต์ส่งขายข้ามแดนในพื้นที่ ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งถือว่าเป็นล็อตใหญ่จำนวนมาก ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลเนื่องจากได้รับแจ้งว่า รถนำมาพักรอ เพื่อนำส่งข้ามชายแดนไทย-กัมพูชา มีจำนวนมากเกือบ 100 คัน โดยนายอัมรินทร์ ยี่เฮง เครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดสระแก้ว และเป็นหนึ่งในผู้แจ้งเบาะแสให้มีการจับกุมเครือข่ายดังกล่าว ออกมาระบุ การจับรถได้ล็อตใหญ่ขนาดนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะผู้บังคับกองร้อยฯ ต้องถูกตั้งกรรมการสอบและขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินด้วย เนื่องจากกรณีการจับรถได้ 37 คัน เป็นทั้งรถโจรกรรมและลักลอบหนีภาษีในพื้นที่บ้านคลองน้ำใส เขตพื้นที่รับผิดชอบของกรมทหารพรานที่ 13 ซึ่งมี ผบ.ร้อยฯ เป็นผู้รับผิดชอบ ในเขตพื้นที่ดังกล่าว และหลายครั้งที่มีการจับรถมอเตอร์ไซค์ได้ในระหว่างที่จะนำส่งข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชา ปรากฏว่า แทบจะทุกครั้งหรือแทบจะทุกพื้นที่ ที่จับได้แต่รถไม่สามารถจับผู้ต้องหาได้

นายอัมรินทร์ ระบุด้วยว่า “ผบ.ร้อยฯ มักจะอ้างว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวทิ้งของกลางไว้ แล้ววิ่งหลบหนี ทำให้ยึดได้แค่เพียงของกลาง สุดท้ายรถมอเตอร์ไซค์ดังกล่าวก็เข้าสู่กระบวนการ return กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง เพราะไม่มีผู้ต้องหา ผมไม่รู้หรอกครับว่า ใครจะมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรอย่างไร แต่หลายครั้งที่ผมตำหนิเจ้าหน้าที่ทหารพรานว่า เก่งแต่กับชาวบ้าน กลั่นแกล้งรังแกชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำ แต่กับขบวนการโจรกรรมหรือขบวนการที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน กลับเพิกเฉย มิหนำซ้ำยังให้ร้ายประชาชนว่า ผลประโยชน์ขัดกันเอง แน่นอนครับคนหาเช้ากินค่ำ ผมไม่ปฏิเสธว่าประชาชนก็หากินตามแนวชายแดน ผิดถูกก็ว่ากันไปตามกระบวนการ หลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานมักจะอ้างตัวบทกฎหมาย ให้ไปดำเนินการตามขั้นตอน

“วันนี้ สิ่งที่ผมทำและ ติดตามมาตลอดคือ ขบวนการโจรกรรมรถข้ามชาติ ผมทนเห็นคนที่หาเช้ากินค่ำ ที่หาเงินมาดาวน์รถแล้วก็ถูกขบวนการโจรกรรมรถ มาลักขโมยส่งต่อมายังชายแดน ซึ่งถ้าเป็นกระบวนการอย่างเดียว โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาเกี่ยวข้อง ก็ยังที่จะพอรับได้ แต่ที่ได้เห็นที่ได้รับทราบข้อมูลมา เป็นกระบวนการที่เอื้อประโยชน์กัน ตั้งแต่นายทหารระดับนายร้อยที่ดูแลพื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางพื้นที่ มีการขับรถดูต้นทาง ให้กับกระบวนการดังกล่าวโดยรับค่าจ้าง 2,000 บาท ต่อ 1 ตู้ และ 1 ตู้ จะมีรถประมาณ 6-8 คัน ก็จะได้อีกคันละ 1,000 บาท เบ็ดเสร็จแล้วต่อเที่ยวต่อ 1 ตู้ ก็จะได้ค่านำทาง 10,000 บาท นี่ยังไม่รวม เจ้าหน้าที่ปลายทางที่รอส่งต่ออีกคันละ 2,000 บาท ที่ผมเฝ้ามาตลอดระยะเวลา 2 เดือนกว่า เฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่า 80-100 ต่อเดือน จะมาไม่ต่ำกว่า 15-20 วันโดยประมาณ” นายอัมรินทร์กล่าวและว่า

วันนี้ผมต้องขอเรียกร้องให้ ผบ.กองกำลังบูรพาหรือผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 ตั้งกรรมการสอบ ผบ.ร้อยฯ เพราะพื้นที่ดังกล่าว ผมเฝ้ามาหลายครั้ง หลายวัน และมีรถออกทุกวัน ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ดังนั้น เรื่องดังกล่าวจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่มีไม่ได้ทำ คงจะเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ ผบ.ร้อยฯ คนดังกล่าวเคยพูดกับผมว่าเกี่ยวกับเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ที่จับผู้ต้องหาไม่ได้นั้น เป็นเรื่องของกฎหมาย คนละส่วนกัน เจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าที่ตรวจยึด ผมก็อยากจะพูดว่า วันนี้นะครับ คุณจะต้องถูกตรวจสอบที่มาที่ไปของทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ในขณะนี้ วันนี้ผมเน้นย้ำนะครับว่า ท่านผู้บังคับการ ทพ.13 จะต้องตั้งกรรมการสอบเรื่องนี้ โดยให้ ผบ.ร้อยคนดังกล่าว ออกจากราชการไว้ก่อน

อย่างไรก็ตาม นายอัมรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ตนทำมันพิสูจน์แล้วครับว่า มีเจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็น ที่สำคัญตนไม่กล้าแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารพรานหรือกองกำลังบูรพา โดยตนเลือกแจ้งข้อมูลเบาะแส จนนำไปสู่การจับกุม ไปที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวความมั่นคงทั้ง สันติบาลและสืบภาค 2 เจ้าหน้าที่ทหารจึงเป็นหน่วยงานสุดท้ายที่ตนแจ้งไป เพราะตนจะถูกปฏิเสธจากผู้รับผิดชอบในพื้นที่ วันนี้สามารถจับกุมของกลางได้ 37 คัน คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า มีขบวนการโจรกรรมรถและขนรถเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวจริง ๆ และมีเจ้าหน้าที่บางคนรู้เห็นแก่ขบวนการดังกล่าว นี่คือสิ่งเรียกร้องจากตน และฝากท่านผู้บังคับการ ทพ.13 ,ผบ.กองกำลังบูรพา, ท่านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ร่วมเป็นคณะกรรมการในการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวด้วย ถ้าจะให้ดีตนพร้อมที่จะเป็นพยานในเรื่องดังกล่าว

—————————-

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"
ad360.io/sf/4b6aa86c-07ad-4e56-9e18-73e4cbaa1f68/plugin.min.js"> -->