X

“วีระ สมความคิด” บุกชายแดนป่าไร่ แจ้งความจับ 9 ตชด.กัมพูชา ดำเนินคดี 3 จนท.ป่าไม้-ทหารพราน ม.157

สระแก้ว – “วีระ สมความคิด” เดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านป่าไร่ใหม่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แจ้งความจับ ตชด.911 ประเทศกัมพูชา 9 คน กรณีละเมิดเส้น Mou ลักลอบข้ามแดนมาล้อมจับและยิงปืน 3 นัด ใส่คนไทย พร้อมกับร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ 3 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และทหารพราน ทพ.13 กระทำผิด ม.157

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) เดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ม.8 บ้านป่าไร่ใหม่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว บริเวณที่ดินริมถนนศรีเพ็ญ ทางหลวงหมายเลข 3446 ห่างจากแนวเส้น Mou ปี 2543 ประมาณ 1 กม.ของ นางกันจณา สามล เจ้าของที่ดินเอกสารสิทธิ์ใบจอง นส.2 ซึ่งเกิดเหตุ ตชด.911 กัมพูชา บุกรุกเข้ามาไล่ยิงชาวบ้านคนไทย ในเขตแดนประเทศไทย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ม.ค.66 โดย ตชด.กัมพูชา จำนวน 9 นาย ได้บุกรุกข้ามเส้น Mou 2543 เข้ามาในบริเวณที่ดินของ นายสารี มาลาหอม บิดาของเธอ ซึ่งเป็นชาวบ้านน้อยป่าไร่ ต.ท่าข้ามฯ ในอดีตเมื่อกว่า 40 ปีก่อน โดย ตชด.กัมพูชาใช้อาวุธปืนไล่ยิงคนไทย จำนวน 3 นัด จนทำให้คนไทยที่กำลังเตรียมพื้นที่เพื่อทำการเกษตร ต้องวิ่งหนีตายกันสุดชีวิต ก่อนเข้ามายึดเลื่อยยนต์ไป ส่วนทหารพรานของไทยที่มาดูแลรักษาชายแดน ได้แต่ยืนดูไม่กล้าเข้าไปผลักดันกองกำลัง ตชด.กัมพูชา ให้ออกนอกเขตแดนไทย จนผู้ใหญ่บ้านต้องนำชุด ชรบ.เข้าไปตรวจสอบ และปัจจุบันผู้ร้องฯ ถูกกดดันไม่ให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินที่จะต้องดำเนินการให้ได้ 3 ใน 4 เพื่อรองรับการรังวัด ของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินในวันที่ 10 ก.พ.66 นี้ จึงร้องเรียนไปที่นายวีระฯ เพื่อขอให้เดินทางมาช่วยตรวจสอบกรณีดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนลงพื้นที่ดังกล่าว นายวีระฯ ได้ประสานไปยัง นายจักรพงษ์ พันธุ์โชติ นายอำเภออรัญประเทศ และลงพื้นที่ร่วมกัน โดยมีเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1305 ประมาณ 30 นาย กระจายกำลังตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ซึ่งนายวีระฯ และนายอำเภออรัญประเทศ พร้อมชาวบ้านผู้ร้องฯ กว่า 20 ราย ได้เดินทางไปดูพื้นที่จุดที่คนไทยถูกไล่ยิงและทิ้งเลื่อยยนต์ ก่อนจะเดินทางไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.มานัส ยอดปรางค์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.คลองลึก เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ร.อ.เจมส์และเจ้าหน้าที่ ตชด.กัมพูชา ทั้ง 9 นาย ในความผิดฐาน พยายามฆ่า ,ปล้นทรัพย์ และเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์ไว้ ตามเลขคดีที่ 25/66 ลง ปจว.เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

กระทั่ง ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก.สภ.คลองลึก สั่งการให้ ร.ต.อ.มานัส ยอดปรางค์ พนักงานสอบสวนเวร สภ.คลองลึก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่พร้อมกับนายวีระและชาวบ้านอีกครั้ง เพื่อนำชี้จุดเกิดเหตุ บันทึกภาพและตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะมีการนำชี้จุดเกิดเหตุและถ่ายภาพ ได้มีเจ้าหน้าที่ ตชด.กัมพูชาจำนวนหนึ่ง ได้ข้ามแนวเส้น Mou เข้ามาสังเกตการณ์ อยู่ห่างจากจุดที่นำชี้จุดเกิดเหตุ ประมาณ 100 เมตร ท่ามกลางการดูแลของเจ้าหน้าที่ทหารพราน ซึ่งนายวีระ สมความคิด ได้ไลฟ์สด ระบุว่า แม้ขณะที่มีการเข้ามาชี้จุดเกิดเหตุ ตชด.กัมพูชาก็ยังมีการลุกล้ำเข้ามาในประเทศไทยชัดเจน หลังจากนั้น นายวีระฯ จึงเดินทางไปที่ สภ.คลองลึก อีกครั้ง เพื่อแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติม ให้ดำเนินคดีกับ นายเทียนชัย ตรีชิต ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ปราจีนบุรี) ,นายณัฐวุฒิ วิงวอน หน.หน่วยรักษาป่าไม้ที่ 12 (ป่าไร่), นายวรนันท์ อุตมะวิริยะ เจ้าหน้าที่ตรวจป่า ประจำชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้สระแก้ว ฐานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากเชื่อว่ามีการเลือกปฏิบัติกับกรณีของ นางกันจณา สามล อ้างว่าทำผิดกฎหมาย พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ แต่ไม่ดำเนินการกับผู้เข้าทำประโยชน์ตลอดแนวถนนศรีเพ็ญทุกแปลง โดยเฉพาะพื้นที่ของอดีตกำนันผู้กว้างขวาง และที่ดินในความครอบครองของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ในพื้่นที่ใกล้เคียงกัน เหตุเกิดในที่ดินของนางกันจณาฯ ระหว่างวันที่ 21-22 ธ.ค.65 เวลาต่อเนื่องกัน

นอกจากนั้น นายวีระฯ ยังได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ร.อ.ศิลกัล รักมิตร ผบ.ร้อยฯ ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 กรณีรายงานเหตุการณ์ ตชด.911 กัมพูชา 9 นาย เข้ามาในประเทศไทยในที่ดินของนางกันจณาฯ และใช้อาวุธสงครามยิงใส่กลุ่มคนของนางกันจณาฯ จำนวน 3 นัด และได้ปล้นทรัพย์ (เครื่องเลื่อยยนต์) นำกลับไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งมีการรายงานเหตุการณ์เท็จให้กับนายอำเภออรัญประเทศ อาทิ อ้างว่าชาวบ้านเป็นผู้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ทั้งที่ความจริง นางกันจณา ได้ใบจอง นส.2 จากทางราชการและได้ผ่านการตรวจสอบสิทธิจากคณะกรรมการจังหวัดสระแก้ว ให้สามารถรังวัดออกโฉนดที่ดินได้ โดยสำนักงานที่ดินฯได้นัดหมายเพื่อทำการรังวัดที่ดินของนางกันจณา ในวันที่ 10 ก.พ.66 นี้ รวมทั้งกรณีรายงานว่า ใบจอง นส.2 ของนางกันจณาฯ สิ้นสภาพแล้ว ,อ้างว่าชาวบ้านอยากได้ที่ดินไปขายให้นายทุน ซึ่งไม่เกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น เชื่อว่า ทหารต้องการบิดเบือนที่ ตชด.กัมพูชากระทำความผิด ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่มีการใช้เป็นพื้นที่กระทำความผิด เช่น ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี ลักลอบขนสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ลักลอบขนแรงงานต่างด้าว ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบและดำเนินการทางวินัยกับนายทหารชุดก่อนหน้านี้ เมื่อต้นปี 2565 จำนวน 7 นาย และถูกย้ายไปประจำยังหน่วยอื่นในปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังกล่าวหาชาวบ้านว่า ยั่วยุ ตชด.กัมพูชา และรายงานต่อนายอำเภอว่า ก่อน ตชด.กัมพูชาเข้ามาไล่ยิงชาวบ้าน ได้ใช้อาวุธควบคุมตัวทหารพรานไทย ซึ่งเฝ้าพื้นที่ด้านหลังแนวที่ดินของนางกันจณาฯ มีเจตนาปกป้อง ตชด.กัมพูชา จึงต้องการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ ร.อ.ศิลกัลฯ ตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ตามกฎหมาย

นายวีระ สมความคิด เปิดเผยว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบจุดเกิดเหตุและเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับทหาร ข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ที่เชื่อว่า เลือกปฏิบัติทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ซึ่งคดีที่ดำเนินการก่อนคือ ร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ร.อ.เจมส์ กับพวกรวม 9 คน ที่บุกรุกเข้ามาในเขตแผ่นดินไทย เมื่อวันที่ 14 ม.ค.66 โดยเข้ามาพยายามจะจับตัวคนไทยที่กำลังทำงานอยู่ เมื่อวิ่งไล่จับไม่ได้ก็เอาปืนยิงใส่เค้าเลย ไม่ได้ยิงขึ้นฟ้า พอดีพลาดเป้า ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จึงไปร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดี ร.อ.เจมส์ กับพวกรวม 9 คน ในข้อหา พยายามฆ่า ปล้นทรัพย์เลื่อยยนต์ของชาวบ้านเอากลับไปฝั่งกัมพูชา และข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพราะเค้าไม่มีสิทธิ์ที่จะถืออาวุธเข้ามาในเขตแผ่นดินไทย มาไล่จับ ไล่ยิงคนไทย

อย่างไรก็ตาม นายวีระ กล่าวอีกว่า การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารพราน ได้แจ้งความข้อหา ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สำหรับการส่งเรื่องดำเนินคดีต่าง ๆ เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก ซึ่งการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐจะมีการส่งเรื่องไปที่ ปปช.หรือ ปปท. แต่เรื่องของการดำเนินคดีกับทาง ตชด.กัมพูชา อาจจะต้องส่งเรื่องไปที่อัยการสูงสุด เพราะว่า เป็นการกระทำความผิดที่คาบเกี่ยวกันระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นคนต่างชาติ ข้ามเข้ามากระทำความผิดในประเทศไทย โดยมาลักทรัพย์และเอาทรัพย์ กลับเข้าไปในเขมร ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ที่ต้องไปดูข้อกฏหมาย ซึ่งคงต้องให้ทางอัยการสูงสุดเข้ามาร่วมในการสืบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

—————————-

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"