ราชบุรี ในวันนี้ ( 7 ก.พ.67 ) ร.ต.อ.รัฐ์นินทร์ เกษมสิทธิชัยกุล ร้อยเวรสอบสวน สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งมีคนร้ายแอบเข้ามาขโมยระฆังอายุกว่า 100 ปี ที่แขวนไว้บนหอระฆัง ภายในวัดเฉลิมอาสน์ ม.2 ต.ท่าชุมพล อ.โพธาราม หายไป จึงรายงานให้ พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผกก.สภ.โพธาราม ได้รับทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.พันธ์ฤกษ์ สร้อยทองมูล สว.สส.พร้อมชุดสืบสวน สายตรวจตำบลท่าชุมพล ที่บริเวณหอระฆังภายในวัดซึ่งอยู่ทางด้านหลังวัดติดแม่น้ำแม่กลอง พบกับ อ.วิรัตน์ มะโนวัฒนา ไวยาวัจกรของวัดที่พระครูสังฆรักษ์พินิจ ปัญญาวโร เจ้าอาวาสวัดเฉลิมอาสน์ได้มอบหมายให้เป็นตัวแทนวัดเนื่องจากเจ้าอาวาสติดกิจนิมนต์ จึงพร้อมด้วยกรรมการวัดพาไปชี้จุดที่คนร้ายขโมยระฆังไป ส่วนระฆังที่หายไปนั้นเป็นระฆังขนาดใหญ่มีน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม ทำจากทองเหลืองทั้งใบ มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งประเมินมูลค่าไม่ได้ โดยทางวัดได้แขวนไว้บนหอระฆังที่มีความสูงมากกว่า 10 เมตร
จากการสอบถามนายรุ่งเรือง ลักษณโต อายุ 64ปี กรรมการวัด กล่าวว่าเมื่อวานผมทราบข่าวจากหลวงพ่อว่าระฆังที่หอระฆังหายไป ในส่วนของระฆังที่หายไปนั้นเป็นระฆังเก่าแก่ มีรูปหัวสุนัข 4 ด้านที่บริเวณหัวของระฆัง ซึ่งจะไม่เหมือนระฆังทั่วไป ระฆังใบนี้เป็นระฆังเก่าแก่สร้างเมื่อปี 2470 ส่วนคนร้ายนั้นทิ้งหลักฐานไว้จะเป็นเชือกไนลอนขนาดใหญ่พร้อมซองบุหรี่ซองเปล่า 1 ซอง ส่วนคนร้ายนั้นคาดว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 4 คน เพราะระฆังเป็นทองเหลืองเก่าใบใหญ่มีน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม จึงเชื่อว่าคนร้ายน่าจะใช้เชือกผูกระฆังแล้วส่งลงมาจากหอระฆังจากนั้นเอารถมาจอดเทียบแล้วตัดเชือก โดยส่วนที่เหลือทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า หลังรู้ว่าระฆังหายทางหลวงพ่อจึงให้ไวยาวัจกรเข้าแจ้งความ ก็อยากฝากไปถึงคนร้ายขอให้นำระฆังมาคืนที่วัดเถอะ เพราะระฆังใบนี้เป็นระฆังเก่าแก่ของที่นี่
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดราชบุรี เพื่อมาเก็บเชือกและหลักฐานต่างๆ นำไปตรวจหารายนิ้วมือและหาดีเอ็นเอ ในส่วนของชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่แกะกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
