X

สาวใหญ่เครียดกู้เงินลิสซิ่ง 2.5 แสน แต่ถูกบังคับขายที่ดินใช้หนี้กว่า 11 ไร่

(เชียงราย) สาวใหญ่เครียด! กู้เงินลิสซิ่ง 2.5 แสน แต่ถูกบังคับขายที่ดินใช้หนี้กว่า 11 ไร่

วันที่ 8 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวติดตามกรณี สาวใหญ่เชียงรายหอบเอกสารขอความช่วยเหลือ หลังไปกู้เงินกับลิสซิ่งชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่ขาดส่งจนถูกกรมบังคับคดียึดโฉนดที่ดินขายทอดตลาดไปแล้ว 2 แปลง แต่ยอดหนี้ไม่ลด แถมยังจ่อโดนยึดอีก 1 แปลง รวมแล้วกว่า 11 ไร่ แทบสิ้นเนื้อประดาตัว โร่ขอความช่วยเหลือไปแล้วหลายหน่วยงานน.ส.เสาร์แก้ว (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ชาวบ้าน ต.งิ้ว อ.เทิง จ.เชียงราย เล่าว่า เมื่อประมาณปี 2553 ได้ไปกู้ยืมเงินบริษัทลิสซิ่งแห่งหนึ่ง เป็นจำนวนเงิน 250,000 บาท โดยผ่อนชำระมาเรื่อยๆ แต่จ่ายมาได้ประมาณ 1 ปี เหลือยอดชำระประมาณ 1 แสนกว่าบาท แต่สามีประสบอุบัติเหตุจึงขาดจ่าย จนเมื่อปี 2555 ทางลิสซิ่งไปฟ้องศาล และกรมบังคับคดีบังคับขายทอดตลาดที่ดินเนื้อที่ 4 ไร่กว่า ที่เอาไปวางค้ำไว้ ซึ่งมีราคาประเมิน 290,000 บาท ขายได้เงินมา 270,000 บาท ซึ่งตามปกติยอดหนี้รวมดอกเบี้ยรวมเป็น 375,458 บาท เท่ากับว่าจะต้องเหลือยอดเงินอีกแค่ 100,000 กว่าบาทแต่ปรากฏว่าปี 2560 กรมบังคับคดีก็มีหนังสือ  ให้ยึดที่ดินแปลงข้างเคียง เนื้อที่ 3 ไร่กว่า ไปขายทอดตลาดอีกรอบ ซึ่งที่ดินแปลงนี้  มีเนื้อที่ติดถนน เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่กว่า มีราคาประเมินประมาณ 900,000 บาท และยังติดจำนองอยู่กับ ธกส. ค้างจ่ายกับทางธนาคารอีกกว่า 800,000 บาท แต่ทางกรมบังคับคดีมีหนังสือให้ยึดที่ขายทอดตลาด โดยมาทราบภายหลังว่า ขายไปในราคา 600,000 กว่าบาท และทางกรมบังคับคดี  ได้นำเงินจำนวนนั้นไปจ่ายให้กับ ธกส. ทำให้เหลือยอด  ที่ต้องจ่ายให้กับ ธกส. อีกกว่า 200,000 บาท โดยทางลิสซิ่งอ้างว่าไม่ได้รับยอดชำระหนี้  จากการขายครั้งนี้แต่อย่างใด จึงเป็นที่ผิดสังเกตว่า  ในเมื่อไม่สามารถจ่ายยอดหนี้ทั้งหมดได้ แล้วทำไมทาง ธกส. จึงนำเอาที่ดินออกมาขายทอดตลาด   โดยไม่มีสินทรัพย์ไปวางค้ำแทน  ที่สินทรัพย์เดิมที่ถูกนำเอาไปขาย แล้วทางบริษัทลิสซิ่งที่อ้างว่าไม่ได้รับเงินชำระหนี้เลย แล้วทำไมถึงต้องเอาที่ดินออกไปขาย“ล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค. 66 ที่ผ่านมา กรมบังคับคดี  ก็มีหนังสือแจ้งมาอีกรอบ ว่า  เตรียมยึดที่ดินแปลงข้างบ้าน เนื้อที่ 3 ไร่กว่า ไปขายอีกรอบ โดยหากรอบนี้ถูกนำไปขายอีก ก็หมายความว่าต้องสูญเสียที่ดินไปกว่า 11 ไร่ จากยอดหนี้แค่เพียง 250,000 บาท และจากการตรวจสอบเอกสารทั้ง 3 รอบ ปรากฏว่ายอดเงินต้นเท่ากับ 267,500 บาท แต่รวมดอกเบี้ยเป็นเงินยอดเงิน 375,458 บาท เท่ากันหมดทั้ง 3 รอบ จนเป็นที่ผิดสังเกตุ เพราะเอาที่ดินไปขายแล้ว 2 แปลง แต่ยอดหนี้กลับยังอยู่เท่าเดิม จึงขอวอนผู้ที่มีความรู้ทางกฏหมายมาช่วยด้วย” น.ส.เสาร์แก้ว กล่าว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สราวุธ คำฟูบุตร

สราวุธ คำฟูบุตร

เสนอข่าวทุกมิติ เจาะลึกทุกประเด็น ID LINE : yai8881