X

“ปวีณา” รับตัว 18 คนไทย ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกทำงานจากเมืองจากสีหนุวิวล์กลับประเทศไทย

สระแก้ว – มูลนิธิปวีณาฯ รับตัว หลังช่วยเหลือ 18 คนไทย ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงานหลอกคนไทยในกัมพูชาและถูกขายต่อนายทุนจีนเป็นทอด ๆ กลับจากเมืองจากสีหนุวิวล์หลังไลฟ์สดขอความช่วยเหลือข้ามประเทศ กลับมาที่ด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กรณีที่มีคนไทยกลุ่มหนึ่งถูกหลอกไปทำงานในประเทศกัมพูชาได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อขอความช่วยเหลือจากเมืองสีหนุวิวล์ ประมาณ 30-40 คน โดยถูกกักขังและขายต่อให้กับนายทุนจีน จากจำนวนทั้งหมด 70 คน ภายหลังเจ้าหน้าที่ชุดประสานงานศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือคนไทยทที่ถูกหลอกไปทำงานในฝั่งกัมพูชาดังกล่าว โดยระบุพิกัดว่า ถูกกักขังและถูกทำร้ายร่างกายอยู่ภายในตึกแห่งหนึ่งย่านไชน่าทาว์ ใกล้กับท่าเรือน้ำลึกเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่คนไทยกลุ่มนี้จะถูกนายทุนจีนขายต่อไปให้นายทุนอีกทอดหนึ่งในบริเวณใกล้เคียงกัน

โดย ร.ต.อ.กฤษณะ เอี่ยมสอาด รอง สว.กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยหลังได้รับเรื่องและทำการประสาน จนท.กัมพูชาสืบหาจนทราบพิกัดที่นายทุนชาวจีนย้ายคนไทยกลุ่มนี้ไปขายต่อ ซึ่งเป็นจุดใหม่จากที่คนไทยไลฟ์สด เป็นอาคารที่พักประมาณ 14 ตึก และอยู่ไม่ห่างจากจุดเดิม ขณะนี้การช่วยเหลือได้มีการประสานไปยังสถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ และสำนักงานตำรวจกัมพูชา กระทั่งนายทุนจีนยอมปล่อยตัวคนไทย 18 คน ที่ไม่สมัครใจทำงานต่อให้กับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ตม.กัมพูชา เพื่อนำกลับมาส่งที่เมืองปอยเปตและเข้าสู่กระบวนการผลักดันข้ามแดนกลับประเทศไทย โดยกลุ่มคนไทยได้เดินทางมาด้วยรถยนต์ตู้ 2-3 คัน จากเมืองสีหนุวิวล์ ระยะทาง 432 กม.มาถึงที่เมืองปอยเปต ช่วงเวลาประมาณ 05.00 น.ที่ผ่านมา และมาที่ด่าน ตม.ฝั่งปอยเปต ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ เพื่อทำเอกสารพร้อมตรวจการฉีดวัคซีนและเข้าสู่กระบวนการผลักดันกลับประเทศ โดยเรื่องนี้หลังได้รับเรื่องร้องขอ ได้ประสานไปยัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศูนย์ PCT สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรอง ผอ.ศพดส.ตร. ในการประสานทางการกัมพูชา จนสามารถช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า โดยเวลา 11.00 น.นางปวีณา หงษ์สกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย ผู้ปกครองของเด็กที่ถูกหลอกไปทำงานฯ เดินทางมาที่ สภ.คลองลึก โดยมี พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ,พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว ร่วมตอนรับและพูดคุยในการประสานงานช่วยเหลือ โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ชุด ศพดส.ตร. ไปประสานการพาคนไทยกลับฝั่งประเทศไทย และคณะจะเดินทางไปรับที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา

ทั้งนี้ ชุดประสานงาน เผยอีกว่า ในไลฟ์สดขอความช่วยเหลือในวันที่ถูกนายทุนจีนขายต่อ หลังถูกจับได้และถูกทำร้ายร่างกาย โดยนายทุนคนจีนย้ายคนไทยทั้งตึก​ ประมาณ ​70 ​คน ไปอยู่พิกัดใหม่ มีคนคุมกว่า 10 คน ทุกคนมีอาวุธปืนและกระบองไฟฟ้า แต่หลังจากทางการไทยกดดันให้ปล่อยตัว จึงย้ายคนไทยที่เต็มใจทำงานหลอกคนไทย​ต่อ ที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือไปอยู่กับนายจ้างคนจีนอีกราย ส่วนคนไทยที่ขอความช่วยเหลือ​ 18​ คน นายทุนจีนเกิดความกลัวจึงปล่อยคนไทย​ทั้ง 18​ คน ให้เจ้าหน้าที่ ตม.กัมพูชา เพื่อนำตัวกลับมาที่เมืองปอยเปต ซึ่งระหว่างเดินทาง ทุกคนถูกยึดโทรศัพท์ทั้งหมด​ ในจำนวนนี้มีเด็กเป็นออทิสติกระดับ​ 5 ถูกหลอก​มา รวมอยู่ 1 คน ด้วย

ล่าสุดเวลา 14.00 น. ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ผู้ปกครองเด็ก และส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมเดินทางมารับตัวคนไทย 18 คน จาก จนท.กัมพูชา ที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา และนำตัวเข้ากระบวนการคัดกรองโรคเบื้องต้น ก่อนนำเข้าสู่พิธีการตรวจคนเข้าเมือง โดยจะต้องถูกดำเนินคดีในฐานความผิดหลบหนีออกนอกเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมนำตัวมาชำระค่าปรับที่ สภ.คลองลึก เป็นเงินคนละ 800 บาท

พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว กล่าวว่า กรณีที่มีเยาวชนและคนไทยถูกหลอกเข้าไปทำงานในกัมพูชา ซึ่งจะต้องมีการช่วยเหลือกันอยู่เรื่อย ซึ่งที่ผ่าน ๆ มา ในหลาย ๆ เคทที่ทางผู้บังคับบัญชาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้การช่วยเหลือมาตลอด ซึ่งการออกไปกัมพูชาในอดีตที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้ที่คนไทยมีความพยายามที่จะออกไปในทางที่ไม่ถูกต้องหรือช่องทางธรรมชาติ ซึ่งมาตรการที่ทางตำรวจร่วมกับฝ่ายทหาร มีการดำเนินการมีการปิดกั้นและป้องกันในทุกจุดตามแนวชายแดนมาโดยตลอด อย่างที่เห็นว่า ช่วงนี้ก็ลดน้อยลงจนแทบจะไม่มีแล้ว แต่ก็ยังมีการออกไปตามช่องทางธรรมชาติครั้งละ 2-3 คน ก็ยังมีบ้าง ซึ่งเราก็ต้องขอถือโอกาสนี้ประชาสัมพันธ์ให้ทางพี่น้องประชาชน ทราบว่า เพื่อตักเตือนให้ข้อมูลกับพี่น้องประชาชนทั่วไป เพื่อจะได้ไม่ถูกหลอกลวงหรือออกไปในลักษณะนี้อีก ซึ่งการป้องกันเราเต็มที่อยู่แล้วจนแทบจะไม่มีแล้ว

ส่วนกรณีของขบวนการค้ามนุษย์นำคนออกไปยังกัมพูชานั้น พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา เราพบกรณีแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ ซึ่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้มีนโยบายและข้อสั่งการ พร้อมทั้งลงมาควบคุมด้วยตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่รวมทั้งประสานรวมกับทางกัมพูชาด้วย

ทางด้าน นางปวีณา หงษ์สกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวกับทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ,ตม.สระแก้ว โดยมีพ่อแม่และผู้ปกครองของเด็กเยาวชนที่ถูกช่วยเหลือออกมาเกือบ 13 ราย รอรับบุตรหลานกลับบ้านว่า อยากเตือนผู้ปกครองและบุตรหลานที่ปล่อยให้มีการเดินทางออกไปทำงานในประเทศกัมพูชาโดยไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าเราจะช่วยได้หรือออกมาอย่างง่ายดายได้ทุกครั้ง ซึ่งตอนนี้เราประชาสัมพันธ์ได้เลยว่า เราทำงานอยู่ในบ้านเราดีกว่า ถ้าหากต้องการทำงาน ขอให้ไปหากระทรวงแรงงานว่า มีงานอะไรที่จะทำได้และไม่ผิดกฎหมายบ้าง ขอให้ไปทำตรงนั้น

“กรณีที่มีเด็กเข้าไปทำงานในนั้น พอเรารู้ เราก็ตกใจ จึงประสานงานไปทางรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร. ขอให้มีการช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ช่วยประสานเป็นการภายใน จึงนำมาสู่การช่วยเหลือเด็กและเยาวชนทั้ง 18 คน ซึ่งทางบริษัทในฝั่งกัมพูชา จึงนำรถพาออกมา และวันที่เด็กไลฟ์สดวันนั้น ตนเองได้โทรประสานทันที ซึ่งปัจจุบันตำรวจอยู่ในนั้นเยอะแล้ว แต่ตำรวจจะไปจับเอาคนที่ไม่ดีตามหมายจับ แต่เราบอกว่า ตรงนี้เป็นเด็ก รวมถึงมีเด็กออกทิสติกด้วย ก็ตกใจ จึงขอพิเศษ ให้มีการประสานช่วยเหลือเป็นการภายใน นำมาสู่การช่วยเหลือในวันนี้ หากไม่มีไฟเขียว คงไม่มีทาง เพราะเขามีปืนเต็มไปหมด” นางปวีณากล่าว

—————————-

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"