X

เลียงผาโผล่จุดก่อสร้างอุโมงค์เชื่อมผืนป่าเขาใหญ่-ทับลาน

ปราจีนบุรี – พบอีก”เลียงผา”โผล่จุดก่อสร้างอุโมงค์เชื่อมผืนป่า เขาใหญ่-ทับลาน ถนน 304 ห่างจากจุดเดิมเล็กน้อย

เมื่อวันที่ 14 ก.ย.61 จากกรณีมีผู้พบเลียงผาออกมาเดินอยู่เหนืออุโมงค์บนเขาด้านฝั่งอุทยานแห่งชาติทับลาน ที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมรอยต่อระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กับอุทยานแห่งชาติทับลาน โดยได้มีการเผยแพร่ภาพเลียงผาตัวนี้ ในกลุ่มไลน์คณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.ปราจีนบุรีโดยผู้ใช้ชื่อ กิติวัฒน์ บัวลอย มีการโพสรูปภาพ พร้อมคลิปวีดีโอมาเผยแพร่ และได้ระบุข้อความว่า “ตอนแรกผมคิดว่า ทำอุโมงค์ให้สัตว์ข้าม มันจะมีสัตว์ที่ไหนมาข้าม แต่วันนี้ผมเจอแล้วครับ “เลียงผา” ที่ปากอุโมงค์ ตัวเป็นๆ ดีใจมากครับ”

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดที่พบเลียงผาบริเวณอุโมงค์ทางลอดฝั่งขาเข้าอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ที่กำลังก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จที่เชื่อมผืนป่า ระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กับอุทยานแห่งชาติทับลาน อุโมงค์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้สัตว์ป่าเดินข้ามไปมาหาสู่กันตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างถนนจาก วังน้ำเขียว-กบินทร์บุรี-ปักธงชัย ซึ่งผ่านลุ่มน้ำชั้น 1 เอ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งเดิมยังไม่สามารถขยายเป็นถนน 4 เลน เป็นคอขวดอยู่ โดยจะมีการสร้างเป็นอุโมงค์ทางลอดใต้พื้นที่ป่า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ป่า โดยฝั่งที่พบเลียงผานั้นอยู่บริเวณท้ายอุโมงค์ ช่วงหลัก กม.194 นาดี-กบินทร์บุรี ถนนสาย 304 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี หรือที่เรียกกันว่า ปากอุโมงค์ 4

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้พบกับ ดต.วิวัฒน์ ปลูกสกุล ผบ.หมู่ป้องกันราบปราม ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล. ผู้ที่พบเห็นเป็นคนแรกและได้ถ่ายภาพเลียงผาไว้ได้เมื่อตอนเวลา 17.00 น.ของวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา และมาในช่วงเช้าวันนี้ เมื่อเวลา 07.00 น.ขณะปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ยังได้พบเจ้าเลียงผาตัวเดิมอีก ได้ออกมาจากที่เดิมเพียงเล็กน้อย จนกระทั่ง นายกิติวัฒน์ บัวลอย หรือ สจ.ป๋อง ได้โพสลงในกลุ่มไลน์คณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.ปราจีนบุรี โดยผู้ใช้ชื่อ กิติวัฒน์ บัวลอย นำภาพนิ่ง 3 ภาพ พร้อมคลิปวีดีโอมาเผยแพร่ และได้ระบุข้อความว่า “ตอนแรกผมคิดว่า ทำอุโมงค์ให้สัตว์ข้าม มันจะมีสัตว์ที่ไหนมาข้าม แต่วันนี้ผมเจอแล้วครับ “เลียงผา” ที่ปากอุโมงค์ ตัวเป็นๆ ดีใจมากครับ”

ด้าน ดต.วิวัฒน์ ปลูกสกุล ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล. ผู้ที่พบเห็นเลียงผา กล่าวว่า ได้มาปฏิบัติหน้าที่เพื่อบริการประชาชนบริเวณอุโมงค์ดังกล่าว จากการสอบถามคนงานที่ก่อสร้างว่า เคยเห็นสัตว์ป่าออกมาให้เห็นหรือไม่ คนงานกล่าวว่า เคยเห็นแต่ลิง และมีสัตว์ตัวคล้ายควายแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จนกระทั่งเวลา 17.00 น.ของเมื่อวานได้เห็นสัตว์ออกมาหากินบริเวณหน้าผา ตรงท้ายอุโมงค์ฝั่งขาเข้ากบินทร์บุรี จึงพบว่าสัตว์ป่าที่เห็นมันเป็นเลียงผาออกมาหากิน จึงได้หยิบกล้องโทรศัพท์มาถ่ายเก็บภาพเอาไว้ และมาวันนี้เมื่อช่วงเช้าก็มาพบอีก ได้เห็นแต่เขาพูดกันว่า ตรงนี้เคยมีสัตว์ข้ามไปมาหาสู่กัน แต่ก็ไม่เคยเห็น แต่มาครั้งนี้ได้เห็นกับตาว่า มีสัตว์ออกมาหากินจริง ๆ การสร้างอุโมงค์ที่เชื่อมผืนป่าทั้งสองเข้าหากันเป็นการคุ้มค่า

ส่วนนายกิติวัฒน์ บัวลอย หรือ สจ.ป๋อง ผู้ที่นำภาพพร้อมคลิปภาพมาโพสลงในโลกโซเซียล จนเป็นข่าวไปนั้น กล่าวว่า “ตอนแรกที่เห็นโพสกันลงในกลุ่มก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเลียงผา คิดว่าเป็นหมา แล้วเอามาโพสเล่นกัน แต่หลังจากดูคลิปอยู่หลายรอบ และนำไปให้ผู้รู้ดู ระบุว่า เป็นเลียงผาจริง จึงขออนุญาติเจ้าของภาพ คือ ดต.วิวัฒน์ แล้วจึงได้โพสลงในโลกโซเซียล ซึ่งอย่างที่ผมระบุว่า หลายคนคิดว่า การสร้างอุโมงค์ครั้งนี้ สร้างแล้วจะมีสัตว์ที่ไหนมาข้าม หรือจะมีสัตว์มาข้ามหรือป่าวเปลืองงบประมาณ แต่วันนี้ได้รู้ความจริงจากปากของผู้เห็น “เลียงผา” ที่ปากอุโมงค์ ตัวเป็นๆ ดีใจมากครับ รู้สึกดีใจแทนคนปราจีนบุรี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีสัตว์ออกมาหากินและปรากฏตัวให้เห็น เพื่อจะหาทิศทางข้ามไปมาหาสู่กันเช่น เลียงผาที่พบ รู้สึกดีใจมากจึงได้โพสลงในกลุ่มไลน์ เพื่อให้คนทั่วไปได้รู้และเห็นเพื่อส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป และทำอย่างไรก็ได้เพื่อที่จะให้อุโมงค์แห่งนี้เสร็จได้เร็วขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ทั้งคนและสัตว์จะได้อยู่ร่วมกันได้

——————————-
ข่าว-ภาพโดย/สายชล หนูแดง

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"