X

อดีตหนุ่มแบงค์ แฉแหลกไม่มีกั๊ก เพื่อนสาวโวรู้จักบิ๊กตำรวจทหาร พบอีกหลอกพี่ผัวหมดตัว 29 ล้าน

นครพนม – อดีตหนุ่มแบงค์ แฉแหลกไม่มีกั๊ก เพื่อนสาวโวรู้จักบิ๊กตำรวจทหาร พบอีกหลอกพี่ผัวหมดตัว 29 ล้าน อวดรวยกวาดซื้อทองยกถาด

คืบหน้า คดีนายจิรวัฒน์ รัตนกุลวิโรจน์  หรือบิ๊ก อายุ 30 ปี อดีตพนักงานฝ่ายสินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองนครพนม อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 3 บ้านแมด ต.โพนบก อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินจำนวน 7 ล้านบาท โดยผู้เสียหายชื่อนางมะลิ (นามสมมติ) อายุ 65 ปี มอบอำนาจให้ นายณพล ใบเงิน ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ  ร.ต.อ.(หญิง) จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ให้ดำเนินคดีอาญากับอดีตพนักงานสินเชื่อรายนี้ พร้อมกับพวกรวม 4 คน ในข้อหาฉ้อโกงเป็นเงินจำนวน 7 ล้านบาท หรือข้อหาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

โดยนายบิ๊กซัดทอดผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน คือนางกัญญาพัชญ์ ว่องไว ชื่อสกุลเดิม น.ส.สิริสุดา สุขเกษม ชื่อเล่นโจโจ้ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นบิว อายุ 30 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 87/1 หมู่ 4 ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 112/99 ถนนประชาร่วมมิตร ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน และสามีคือนายวีระชัย ว่องไว หรือท่อม อายุ 47 ปี มีที่อยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 107 ถนนราชทัณฑ์ เขตเทศบาลเมืองนครพนม เป็นลูกชายนักธุรกิจเจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ปัจจุบันกำลังทำธุรกิจบ้านจัดสรรในเขตอำเภอเมืองนครพนม และห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญญรินทร์ ที่นายท่อมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ทั้งนี้ได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่านายบิ๊ก หลังจากหลอกให้เหยื่อคือนางมะลิ โอนเงินให้แล้ว ก็ได้โอนเงินต่อไปเข้าบัญชีธนาคารของนางบิว และนางบิวก็รีบผ่องถ่ายเข้าไปในบัญชีของนายท่อมผู้เป็นสามีทันที พนักงานสอบสวนจึงดำเนินการอายัดบัญชีของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด โดยสองผัวเมียได้เดินทางมาพร้อมกับทนายความ และให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมอ้างว่าตนก็เป็นผู้เสียหายคนหนึ่งที่ถูกนายบิ๊กหลอกเอาเงินไปหลายสิบล้าน เช่นเดียวกัน พร้อมขอเวลา 1 สัปดาห์เพื่อรวบรวมหลักฐานมายืนยันต่อเจ้าหน้าที่ ว่าพวกตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ล่าสุด นายจิรวัฒน์หรือบิ๊ก อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อธนาคาร ได้เปิด เผยกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่เรียนชั้นมัธยมเพื่อนสาวจะเลือกคบคน ถ้าใครไม่มีของแบรนด์เนมจะไม่คบหาด้วย หลังจากเรียนจบก็ไม่ได้พบเจอเพื่อนคนนี้นานหลายปี เพิ่งเจอกันเมื่อไม่กี่เดือนที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง กระทั่งชักชวนกันทำธุรกิจ เกี่ยวกับที่ดิน แต่ไป ๆ มา ๆ กลับถูกหลอกให้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากและต้องคืนให้ภายในเวลาไม่เกิน 10 วัน หากเที่ยวไหนที่ตนหาเงินให้ไม่ทัน นางบิว ก็จะบงการให้ตนไปหาเอากับเศรษฐีหรือคนที่มีเงินสะสมพร้อมเสนออัตราดอกเบี้ยตอบแทนให้สูง ๆ เพื่อจูงใจ โดยสร้างละครขึ้นมาว่ามีลูกค้าต้องการรีไฟแนนซ์บ้านหรือที่ดิน และจะมีค่าตอบแทนให้อย่างงาม ซึ่งนายบิ๊กยอมรับว่าตนก็มีความโลภจึงยอมทำตาม แต่เมื่อถลำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ วงเงินสูงขึ้นจนหมุนไม่ทันจนไม่สามารถหาเงินคืนให้แก่คนที่ไปเอาเงินเขามาได้  ซึ่งตนมีคลิปเสียงการพูดคุยกันว่าจะไปหาเหยื่อคนไหนเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นายบิ๊กเล่าต่อว่า หลายคนสงสัยทำไมตนถึงยอมทำตามคำสั่งของเพื่อนสาวรายนี้ เพราะทุกครั้งจะอ้างว่ามีความสนิทสนมกับอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ท่านหนึ่ง ที่มีพี่ชายอยู่ในรัฐบาลปัจจุบัน ทุกคำจะเรียกนายตำรวจท่านนี้ว่าป๊า ๆ ตลอด และหากมีคดีความถึงโรงพักก็คุ้นเคยกับนายตำรวจหลายคนเป็นอย่างดี แถมมีนายทหารคอยให้ความคุ้มครองอีกด้วย หากตนไม่ทำตามก็ข่มขู่จะทำร้ายคนในครอบครัว  จึงจำยอมหาเงินโอนให้เพราะกลัวคำขู่ดังกล่าว

นอกจากนี้ยังมีชายคนหนึ่งอ้างว่าเป็นพี่ชายของนายท่อมชื่อนายบุญเติม (นามสมมติ) ได้ไปพบกับนายณพล ที่ออฟฟิตทำงาน พร้อมเปิดเผยรายละเอียดว่าทราบข่าวว่านายบิ๊ก ร่วมมือกันกับ นางบิว ที่เป็นน้องสะไภ้ตน หลอกลวงต้มตุ๋นเอาเงินจากชาวบ้าน ตนก็เป็นผู้หนึ่งที่ถูกน้องสะใภ้ คือนางบิว หลอกเงินไปประมาณ 29 ล้านบาท โดยนางบิวบอกว่าเอาไปลงทุนระยะสั้น และให้ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ภายในระยะเวลาประมาณ 7 ถึง 10 วัน แรก ๆ ก็ได้ตามที่พูดไว้ จึงเกิดความไว้วางใจ ต่อมานางบิวก็ขอเพิ่มเป็นสิบล้าน ล่าสุดตนเพิ่งกู้แบงค์ได้เงินมา 10 ล้านบาท นางบิวก็ขอไปเพื่อใช้ปล่อยให้กับลูกค้ารวมสะสมทั้งของเก่าและของใหม่รวมแล้ว ราว ๆ 29 ล้านบาท  ตอนนี้ตนเหมือนคนล้มละลาย ตอนที่นางบิวมาพูดเอาเงิน ตนเหมือนโดนมนต์สะกดยอมยกเงินจำนวนดังกล่าวให้น้องสะใภ้ทันที ถึงตอนนี้เงิน 29 ล้านบาทหายไปในอากาศ ทวงถามก็บอกให้รอก่อน ๆ กำลังติดตามทวงเงินคืนจากนายบิ๊กให้อยู่  ทุกวันนี้ตนเหมือนคนสติแตกที่สูญเงินจากคนในครอบครัวเดียวกันหลอกลวง เมื่อทราบว่ามีเจ้าทุกข์ถูกหลอกหลายรายจึงมาพบทนายเพื่อขอรายละเอียดนำไปฟ้องร้องน้องสะใภ้คนนี้ ต่อไป

นายบุญเติมเผยต่อว่าตอนที่น้องชายได้นางบิวเป็นเมีย คุณแม่ไม่ชอบลูกสะใภ้จึงขับไล่ลูกชายออกจากบ้าน เวลาผ่านไปหลายเดือนตนสงสารน้องชายจึงเข้าไปพูดกับคุณแม่ โดยให้เหตุผลว่าในเมื่อเขาสองคนรักกันควรให้โอกาส ซึ่งคุณแม่ก็ยอมให้ทั้งคู่กลับมาใช้ชีวิตที่นครพนม ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนปรารถนาดีกลายเป็นเอาไฟเข้าบ้าน และมีช่วงหนึ่งนางบิวชวนตนและภรรยาไปซื้อทองที่ร้านทองแห่งหนึ่ง  กวาดซื้อทองคำทีละเป็นถาด ๆ ราคาไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท โดยไม่ฉงนใจว่าเงินที่นำไปซื้อทองคำนั้นเป็นเงินของตนและเหยื่อ นอกจากนี้ยังอวดรวยประมูลเลขทะเบียนรถสวย ราคาประมูลตั้งไว้ 7,000 บาท แต่น้องสะใภ้ใจป้ำประมูลในราคา 300,000 บาท จนนักธุรกิจในจังหวัดนครพนมต่าง งงเป็นไก่ตาแตก

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน