เพชรบูรณ์ติดอีก 2 ราย ยอดสะสม 35 รายแล้ว
วันที่ 20 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จังหวัดเพชรบูรณ์ ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ล่าสุดวันนี้พบผู้ติดเขื้อเพิ่มอีก 2 ราย ได้แก่รายที่ 34,35 โดยนายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อรายที่ 34 เป็นชายอายุ 44 ปี เป็นช่างทำงานที่สถานบันเทิง Cetus clup Pattaya ต.บางปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยพักอยู่กับภรรยาและลูกอายุ 5 ขวบรวม 3 คน มีประวัติมีผู้ป่วยไปเที่ยวสถานบันเทิงที่งาน จึงไปตรวจที่ รพ.บางละมุง ยังไม่ได้รับแจ้งผล วันที่ 12 เม.ย.ที่ทำงานหยุดจึงพาครอบครัวกลับหมู่ที่ 1 ต.ซับเปิป อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ วันที่ 15 เม.ย.มีอาการไข้ไปคลีนิกคิดว่าสาเหตุคิดว่าตากฝน ต่อมาได้รับแจ้งว่าที่ทำงานมีผู้ติดโควิด 26 คน จึงกักตัวอยู่ที่บ้าน วันที่ 17 เม.ย.ไปตรวจที่ รพ.ชนแดนและได้รับการแนะนำให้ไปตรวจที่ รพ.เพชรบูรณ์ จึงไปที่รพ.เพชรบูรณ์ตรวจ Rapid test และกลับอ.วังโปง ต่อมารพ.เพชรบูรณ์ แจ้งผลตรวจพบเชื้อ วันที่ 18 เม.ย.ไปรพ.วังโป่งเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจซ้ำ วันที่ 19 เม.ย.รับแจ้งผลตรวยติดโควิดจึงเข้ารักษา รพ.วังโป่ง
ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่ 35 เป็นเพศชาย อายุ 22 ปี อยู่ที่หมู่ 11 ต.ห้วยสะแก อ.เมืองเพชรบูรณ์ โดยประวัติไทม์ไลน์ วันที่ 7 เม.ย.นั่งรถโดยสารไป จ.พิษณุโลก ไปเที่ยวสถานบันเทิงร้านประชาชื่น และพักอยู่กับเพื่อนแถวประตู 4 ม.นเรศวร ,วันที่ 8 เม.ย.ไปนั่งร้านกาแฟไทยแดนมาร์ค สาขา ม.นเรศวรกับเพิ่อน 2 คน และกินหมูกระทะ แถวม.นเรศวรกัยเพื่อน 3 คน วันที่ 9 เม.ย.ช่วงบ่ายไปนั่งร้านกาแฟไทยแดนมาร์คกับเพื่อน 2 คน กลางคืนไปเที่ยวร้านประชาชื่นอีกกับเพื่อน 4 คน วันที่ 10 เม.ย.กลับเพชรบูรณ์กับเพื่อน 5 คนโดยรถยนต์ส่วนตัว วันที่ 12-17เม.ย.ขณะอยู่บ้านต.ห้วยสะแกมีอาการไม่สบาย วันที่ 18 เม.ย.ไปตรวจเชื้อที่รพ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งพบเชื้อ จึงกลับมาตรวจซ้ำผลตรวจยืนยีนติดเชื้อโควิดจึงเข้ารับการรักษา
อย่างไรก็ตามสำหรับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิดยืนยันสะสม จ.เพชรบูรณ์ล่าสุดมีจำนวนทั้งสิ้น 35 รายแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่เพจสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ แจ้งว่า “ไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อ case ที่ 34-35 ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ข้อมูลชุดนี้ยังไม่ได้ถูกนับยอดที่ ศบค.ประเทศ ด้วยความห่วงใยจาก ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ แจ้งเพื่อให้ ประชาชนชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ทราบเบื้องต้นเพื่อที่ประชาชนจะได้เฝ้าระวังป้องกันตนเอง”
