ฉะเชิงเทรา – ชลประทานแปดริ้ว เตือนเกษตรกรอย่าฝืนทำนารอบที่ 3 ระบุช่วงรอยต่อระหว่าง มี.ค.-เม.ย.นี้ แล้งร้อนระอุทะลุ 45 องศา ขณะน้ำเค็มหนุนสูงในลำน้ำบางปะกงไปไกลถึงในเขต จ.ปราจีนบุรีแล้ว ส่วนสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำหลักในพื้นที่ 2 แห่ง ร่อยหรอใกล้จะหมดพร้อมเตรียมยุติการระบายจ่ายน้ำทั้งระบบ 5 มี.ค.67
วันที่ 29 ก.พ.67 เวลา 13.30 น. นายธานินทร์ เนื่องทศเทศ ผอ.ชลประทานฉะเชิงเทรา ได้กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ปัจจุบันนำในอ่างเก็บน้ำคลองสียัด อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา มีน้ำคงเหลืออยู่ภายในอ่างเก็บน้ำประมาณ 63 ล้าน ลบม. จากความจุสูงสุด 420 ล้าน ลบม. โดยในช่วงฤดูฝนปีที่ผ่านมาสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้จำนวน 160 ล้าน ลบม. และมีน้ำที่ยังคงสามารถปล่อยระบายเพื่อรักษาระบบนิเวศการผลิตประปา และเพื่อการเกษตรกรรมอีกเพียง 30 ล้าน ลบม.เท่านั้น
โดยในปัจจุบันยังคงมีการระบายน้ำผ่านประตูระบายอย่างต่อเนื่องวันละประมาณ 4 แสน ลบม. และจะยุติการระบายน้ำทั้งระบบในวันที่ 5 มี.ค.67 นี้เท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงหลังจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรกรแล้ว และจะเหลือการระบายเพื่อรักษาระบบนิเวศและเพื่อการผลิตประปาอีกเพียงวันละ 1 แสน ลบม.เท่านั้น ขณะที่อ่างเก็บน้ำคลองระบม ใน อ.สนามชัยเขต มีความจุ 55.5 ล้าน ลบม. ขณะนี้มีน้ำเหลืออยู่เพียง 12 ล้าน ลบม. หรือคิดเป็นร้อยละ 21.6 ของความจุ
จึงเหลือแต่เพียงน้ำที่จะถูกใช้ในการระบายเพื่อรักษาระบบนิเวศเท่านั้น ไม่สามารถที่จะระบายจ่ายออกไปใช้ในด้านอื่นๆ ได้อีก และจะปิดการระบายน้ำอย่างเต็มระบบในวันที่ 5 มี.ค.67 นี้ด้วยเช่นเดียวกัน นายธานินทร์ กล่าว
และกล่าวต่อว่า ขณะนี้น้ำในแม่น้ำบางปะกงอยู่ในช่วงภาวะน้ำเค็มหนุนเต็มลำน้ำ ทะลุเลยผ่าน จ.ฉะเชิงเทรา ไปไกลจนจึงในเขต จ.ปราจีนบุรี แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 โดยสามารถตรวจวัดความเค็มได้ที่บริเวณที่ทำการสำนักงานชลประทานฉะเชิงเทราแห่งนี้ ในพื้นที่ ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา วัดค่าความเค็มของน้ำได้เท่ากับ 26 .86 กรัมต่อลิตร
และตรวจจัดได้ที่เขตเทศบาลตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา พบค่าความเค็มของน้ำอยู่ที่ 21.04 กรัมต่อลิตร ขณะที่การตรวจวัดค่าความเค็มที่บริเวณ ต.บางแตน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นจุดรอยต่อกันระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.ปราจีนบุรี วัดค่าได้ 8.03 กรัมต่อลิตร ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงอยากฝากเตือนไปถึงยังเกษตรกรชาวนาด้วยว่า ในปีนี้ขอให้งดการทำนาในรอบที่ 3 หลังจากทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว
เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ช่วงภาวะสภาพอากาศร้อนจัด ที่ จ.ฉะเชิงเทรา จะมีอุณหภูมิสูงถึง 45 องศาเซลเซียส ตั้งแต่ในช่วงประมาณปลายเดือน มี.ค.67 -เม.ย.67 จึงมีความสุ่มเสี่ยงที่เกษตรกรจะได้รับความเสียหาย หากยังคงมีการตีเลนหรือไถหว่านทำนากันต่อไปอีก โดยที่เกษตรกรไม่มีสถานที่กักเก็บน้ำหรือบ่อพักน้ำเอง หรือไม่มีบ่อบาดาลเป็นของตนเอง โดยทางชลประทานทำได้แค่การประกาศเตือนเท่านั้น ไม่สามารถที่จะไปห้ามไม่ให้เกษตรกรหยุดทำนาได้ เนื่องจากในช่วงนี้ข้าวมีราคาดี นายธานินทร์ กล่าว
