X
รถขนผู้ป่วยโควิด19

ชนซ้ำซาก โชเฟอร์คนเดิมขับรถตู้พาผู้ป่วยโควิดกลับบ้าน โหม่งท้ายพ่วงอีกแล้ว

ฉะเชิงเทรา – ชนซ้ำซาก โชเฟอร์คนเดิมขยี้คันเร่งขับรถตู้ขนผู้ป่วยโควิด 19 ส่งกลับรักษาใกล้บ้านเกิดที่ จ.บุรีรัมย์ แต่พาไปไม่ถึงโหม่งท้ายพ่วง 22 ล้ออีกแล้วที่เขาหินซ้อน ทำคู่หูเจ็บเป็นรายที่ 2 ทั้งที่เมื่อวานก่อนเพิ่งขับรถตู้พุ่งเสยท้ายรถยนต์กระบะบรรทุกคลอรีนและสารส้มจนตัวรถพังยับเยินมีอาสากู้ภัยฯ เจ็บไปก่อนแล้ว 1 ราย แต่มาในวันนี้กลับมาเกิดอุบัติซ้ำอีกครั้งแบบวันเว้นวัน โชคดีที่ผู้ติดเชื้อโรคระบาดที่นั่งมาภายในปลอดภัย

วันที่ 12 ส.ค.64 เวลา 14.30 น. ร.ต.อ.ฤชายุส คงอุตสาห์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติรถยนต์ตู้พุ่งชนท้ายรถยนต์พ่วง 22 ล้อ ที่บริเวณบนถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ด้านฝั่งขาออกก่อนถึงบริเวณทางสามแยกถนนสายสระแก้วตัดใหม่ (359) ประมาณ 150 เมตร พื้นที่ ม.2 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ

ฝีมือโชเฟอร์คนเดิม

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้าคันสีขาว หมายเลขทะเบียน ยง-7722 นครราชสีมา ลักษณะภายนอกเป็นรถพยาบาลติดข้อความ “AMBULANCE BASIC LIFE SUPPORT” ที่ด้านข้างรอบตัวรถ และมีการเปิดใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินแบบไซเรนของรถพยาบาลไว้ที่ด้านบนหลังคาตลอดเวลา ด้านหน้าตัวรถมีร่องรอยของการพุ่งชนจนพังยุบเสียหาย ภายในรถมีคนขับเป็นชาย และคนนั่งเบาะซ้ายเป็นหญิง ขณะที่ภายในตัวรถด้านหลังมีผู้โดยสารเป็นชาย 4 คนหญิง 1 คนรวม 5 คนนั่งมาด้วย

ขับมาชนรอบสอง

โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดภายใน 1 ราย คือ น.ส.ชลธิชา ภูจอม อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 193 ม.15 ต.สระแก้ว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนั่งมาบนเบาะด้านซ้ายของคนขับ มีอาการซ็อกหมดสติจากบาดแผลขนาดใหญ่ที่ศีรษะ และเสียเลือดมาก โดยทราบว่าเป็นจิตอาสากู้ภัยฯ แห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ขณะที่คนขับ คือ นายศุภกิจ จันทร์ทรง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141 ม.6 ต.พงศ์ประศาสน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้รับบาดเจ็บ

ชนซ้ำซาก

แต่มีลักษณะเคร่งเครียดไม่ยอมตอบข้อซักถามจากผู้สื่อข่าว และผู้ที่เข้ามาซักถามเหตุการณ์มากนัก โดยระหว่างหลังเกิดเหตุ นายศุภกิจ ได้แจ้งว่าผู้โดยสารที่นั่งมาภายในรถทั้งหมด 5 คน เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ที่ตนเองเป็นจิตอาสาใช้รถฉุกเฉินของภาคเอกชนขับไปรับมาจากในพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อที่จะพานำกลับไปส่งยัง รพ.ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ นายศุภกิจ ระบุ

ชนอีกแล้ว

ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถพ่วงขนาด 22 ล้อแบบ 2 ตอน ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียนหัวลาก 81-8483 สระแก้ว ทะเบียนหางพ่วง 81-8484 สระแก้วได้ขับเลยจากจุดเกิดเหตุไปทางด้านหน้าห่างกันประมาณ 60 เมตร มีนายศราวุฒิ ทุมภา อายุ 26 ปี เป็นคนขับ เปิดเผยว่า ตนเองได้ขับรถพ่วงเดินทางมาจาก จ.ชลบุรี เพื่อจะไปรับเศษเหล็กใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว บรรทุกกลับมายัง จ.ชลบุรี ในขณะที่ขับมาถึงยังจุดเกิดเหตุได้มีรถยนต์ตู้ขับมาพุ่งชนที่ด้านท้าย บริเวณหัวมุมของหางพ่วงทางขวาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่ตนนั้นขับมาบนเส้นทางตรง นายศราวุฒิ กล่าว

คนขับเครียด

หลังเกิดเหตุ ได้มีอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยพนมสารคาม นำเครื่องมือตัดถ่างมาให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บเพื่อนำส่งไปยัง รพ.พนมสารคาม ส่วนคนขับรถทั้ง 2 คัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวไปสอบสวนยังที่ สภ.เขาหินซ้อน ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคนขับรถยนต์ตู้พยาบาลฉุกเฉินรายนี้ เป็นคนขับรายเดียวกันกับ กรณีเกิดอุบัติเหตุรถตู้ที่เดินทางมารับผู้ป่วยโควิด 19 จาก รพ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา มุ่งหน้าจะนำพาผู้ป่วยกลับไปทำการรักษายังใน จ.บุรีรัมย์ เมื่อวานซืนนี้ (10 ส.ค.64)

ซ้ำซาก

แต่ได้เกิดอุบัติเหตุขับพุ่งชนท้ายของรถยนต์กระบะบรรทุกสารส้มและคลอรีน และยังมีรถยนต์เก๋ง ได้รับความเสียหายรวม 3 คัน ที่บริเวณก่อนถึงสี่แยกสัญญาณไฟบางคล้าประมาณ 1.6 กม. พื้นที่ ม.3 ต.เสม็ดเหนือ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา บนเส้นทาง 304 สายเดียวกันนี้ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นอาสากู้ภัยฯ แห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นชายวัย 22 ปี และเว้นระยะห่างมาได้เพียง 1 วัน คนขับรถตู้เดิมนี้จึงได้กลับมาขับรถตู้เพื่อรับส่งผู้ป่วยโควิด 19 อีกครั้ง

ติดสติกเกอร์รถพยาบาลรอบคัน

จนมาประสบอุบัติเหตุขึ้นอีกในลักษณะเดียวกัน แบบซ้ำซากหรือวันเว้นวัน จึงถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติและเป็นที่น่าแปลกประหลาดใจมาก ที่คนขับรถคนเดิม ได้กลับมาขับรถในลักษณะเดิม และกลับมาเกิดอุบัติเหตุแบบเดิมๆ ที่คล้ายๆ กันกับเหตุการณ์ก่อนแบบซ้ำซากถึง 2 ครั้งติดต่อกันจนถี่ยิบ เมื่อสอบถามคนขับรถตู้อีกครั้งในภายหลัง ที่บริเวณภายใน สภ.เขาหินซ้อน

พาคนป่วยกลับไม่ถึง

ทราบจากคนขับที่อ้างว่า ที่ต้องใช้ความเร็วสูงนั้น เนื่องจากต้องการให้ผู้ป่วยเดินทางไปถึงยังมือแพทย์ให้ได้โดยเร็วที่สุด และยังบอกอีกว่าจะต้องนำพาผู้ป่วยโควิด 19 ไปให้ทันในช่วงเวลาที่แพทย์ทำการตรวจ เพราะเนื่องจากหากไปไม่ทันเวลาแล้ว จะต้องพาคนป่วยไปหาสถานที่ในการพักคอยการรักษาแห่งใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยไม่มีเงิน และตนเองก็ทำด้วยใจ นายศุภกิจ กล่าว

รถพ่วงคู่กรณี

โหม่งท้ายพ่วง 22 ล้อ

ผู้ป่วยโควิด19 เหยื่อตู้ซิ่งจิตอาสาชนซ้ำซาก ได้กลับถึงพื้นบ้านเกิดแล้ว

ตามเชื้อไม่ทัน จุดอ่อนระบาดหนักที่แปดริ้ว เตรียมสั่ง ATK ตรวจควานหาระดับชุมชน

วุ่น!! รถขนส่งผู้ป่วยโควิด 19 กลับบ้าน พุ่งเสยท้ายกระบะทำอาสากู้ภัยเจ็บ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน