เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป. 14 (แม่ทะ) ตำบลแม่ทะ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส. พ.ต.ท.เกรียติพันธุ์ เจริญชนิกานต์ รอง ผกก.4 บก.ปทส.สั่งการให้ พ.ต.ท.ยศวัฒน์ เอกกุล สว.กก.4 บก.ปทส.ประสานงาน สนธิเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.14 แม่ทะ เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) เจ้าหน้าที่ศูนย์ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ เข้าตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับลักลอบบุกรุกทำลายป่าแผ้วถางป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จาง ท้องที่ ตำบลหัวเสือ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง
ทั้งนี้ก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวได้มีการชี้แจงมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยเพราะพบว่าผู้ที่บุกรุกแผ้วถางป่าเบื้องต้นเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แต่การกระทำผิดที่ผ่านมา ยังไม่สามรถหาพยานหลักฐานที่ชัดเจนสาวถึงผู้มีอิทธิพลรายนี้ได้
โดยจุดแรกที่เข้าตรวจสอบเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จาง ท้องที่บ้านห้วยมะเกลือ หมู่ 4 ตำบลหัวเสือ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง พบมี 2 แปลง ติดกัน การล้อมรั้วรวดหนามอย่างแน่นหนาระระยะทางโดยรอบกว่า 1 กิโลเมตร รวมพื้นที่รุกป่ากว่า 60 ไร่ ภายในรั่วพบเป็นพื้นที่ราบ ต้นไม้ใหญ่ถูกล้มจนโล่งและมีการปลูกต้นผลไม้แล้วบางส่วน มีการสร้างที่พักอาศัยเป็นกระท่อมแต่ไม่พบตัวผู้กระทำผิดเมื่อเปรียบเทียบกับแผนที่ทางอากาศพบว่า มีการบุกรุกแผ้วถางมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา
จากการสืบทราบข้อมูลพบว่าเป็นคนเดิมที่เคยถูกแจ้งข้อกล่าวหาก่อนหน้านั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง เป็นชาวบ้านในพื้นที่และทราบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลด้วยแต่พยานหลักฐานต่าง ๆ สาวไม่ถึงตัวการที่กระทำผิดทำให้หลุดรอดไปและในครั้งนี้พบว่าทั้ง 2 แปลงที่มีการรุกป่าสงวนแห่งชาติก็เป็นรายเดิมอีกซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมพยานหลักฐานที่แน่นหนารวมไปถึงดีเอ็นเอ ต่างๆที่อยู่ในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มีหลักฐานที่แน่นหนาในการเอาผิดผู้กระทำผิดครั้งนี้ให้ได้
ขณะที่ออกตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวยังพบว่ามีการแผ้วถางบุกรุกป่าขึ้นมาอีกจุดที่บริเวณป่าท้ายหมู่บ้านบ้านดอนมูลหมู่ 3 ตำบลหัวเสือ อำเภอแม่ทะจังหวัดลำปาง พบมีร่องรอยการนำรถมาปรับแผ้วทางเพื่อทำถนนเข้าไปในป่า ระยะทางประมาณ 100 เมตร ภายในป่าพบมีการแผ้วถางป่าทำเป็นแปลงปลูกข้าวโพดพื้นที่ประมาณ 20-30ไร่ จากการตรวจพบว่าอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯและเป็นการบุกรุกพื้นที่ใหม่เพื่อเข้ามาครอบครองโดยผิดกฏหมายเจ้าหน้าที่จึงประสานงาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่มาให้ข้อมูล เพื่อที่จะสืบสาวหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
