X

นร.วิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์ ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลัง ผอ.เปลี่ยนระบบการเรียน

 

ประจวบคีรีขันธ์– นักเรียนพาณิชย์วิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์ เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมประจวบคีรีขันธ์ หลังผู้บริหารเปลี่ยนระบบการเรียนเป็นทวิภาคี  กระทบคุณภาพทางวิชาการและต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ลดขนาดห้องเรียนเหลือเพียงห้องเดียว #77 ข่าวเด็ดประจวบคีรีขันธ์ (พลไชย ภิรมย์ศรี)

วันที่ 11 ธันวาคม 2562  ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  กลุ่มนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์  แผนกบัญชี   รวมตัวกันมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน  ผู้บริหารวิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์  ที่เปลี่ยนระบบการเรียนในปีการศึกษา 2563  ตามหลักสูตรการเรียนการสอนวิทยาลัย จะต้องเปิดการสอนระดับ ปวส. ระบบปกติและระบบทวิภาคี  เป็นการเปิดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีเพียงอย่างเดียว  จากเดิมที่มีการการระบบปกติมาตลอด 30 ปี  และเปิดระบบทวิภาคีควบคู่กัน ซึ่งระบบทวิภาคี คือการเรียนในวิทยาลัย 1 ปี  และไปทำงานในโรงงานหรือสถานประกอบการอีก 1 ปี

ซึ่งข้อเรียกร้องของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคและกลุ่มผู้ปกครอง คือ

1.วิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์ อยู่ในตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์  มีจำนวนนักเรียนที่เขตพื้นที่จำนวนมาก ขณะที่สถานประกอบการในสาขาวิชาที่เรียนโดยเฉพาะสาขาบัญชีการเงิน มีในเขตพื้นที่น้อย

2.นักเรียนที่จะไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี  หลังจบ ปวส.  การเรียนในระบบทวิภาคีส่งผลให้โอนหน่วยกิตเข้ามหาวิทยาลัยได้น้อย เนื่องจากระบบทวิภาคี มีเวลาเรียนแค่ 1 ปี  ขณะที่ระบบปกติ เรียน 2 ปี  จึงไม่ได้เรียนในบางรายวิชา

3.ระบบทวิภาคีอาจมีประโยชน์สำหรับนักศึกษาช่างอุตสาหกรรม  ซึ่งสามารถฝึกงานในโรงงานได้  แต่สำหรับนักศึกษาพาณิชยการ  จะต้องฝึกในสำนักงานทำบัญชีเท่านั้น  ซึ่งสถานประกอบการในอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์  ไม่เพียงพอต่อจำนวนนักศึกษา

4.การฝึกงานระยะเวลา 1 ปี  เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าครองชีพ  ค่าเดินทาง  ค่าที่พัก  ทำให้ผู้ปกครองที่มีรายได้น้อยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนระบบการเรียน

5.การฝึกงานไกลจากบ้านเป็นระยะเวลานาน  ทำให้ผู้ปกครองเป็นห่วงสวัสดิภาพความปลอดภัยของบุตรหลานที่ไปอยู่ไกลจากบ้าน

นางชุลีพร  ชุมพล  อายุ  52  ปี  ผู้ปกครองนักศึกษาพาณิชยการสาขาบัญชี  กล่าวว่า  หากเรียนในระบบทวิภาคี  ความรู้ไม่แน่นแน่นอน  ตนเองเรียน ปวส.ที่วิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์  เมื่อ 30 ที่แล้ว  ซึ่งใช้ระบบปกติ   สาขาบัญชีเป็นการเรียนที่ยาก  หากเรียนเพียงปีเดียว  ความรู้ไม่มากพอ  และสถานประกอบคงไม่ให้นักศึกษาจับงานที่มีความละเอียดหรือยาก  เพราะจะกระทบต่อชิ้นงานลูกค้าของบริษัท  ซึ่งหนึ่งปี ที่ฝึกงานกับเอกชนจะไม่ได้ประโยชน์   และค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่หลายคนไม่ได้มีความพร้อมในการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

น.ส.ก้อย (นามสมมุติ) นักศึกษา ปวช.ปี 3 สาขาบัญชี  กล่าวว่า   การเปลี่ยนจากระบบปกติเป็นระบทวิภาคี  ในปีการศึกษา 2562  ชั้น ปวส  เปิดเรียน 2 ห้อง มีนักเรียนที่เรียนระบบปกติจำนวน 80 คน  ส่วนทวิภาคีมี 11 คน  ส่วนในปี 2563  จะยุบห้องเรียนเหลือเพียง 1 ห้อง  และบังคับให้ทุกคนลงเรียนระบบทวิภาค   ขณะที่นักเรียน ปวช.ปี 3 จำนวน 90 คน มี 3 ห้อง  เมื่อจะเรียนต่อชั้น ปวส. จะทำให้วิทยาลัยรับนักศึกษาได้น้อยลงกว่าครึ่ง  และหลายคนไม่พร้อมที่เรียนระบบทวิภาคี  ซึ่งห้องเรียนที่เปิดรองรับได้ประมาณ 40 คน ในสาขาบัญชีเมื่อทำงานต้องฝึกในสำนักงานบัญชีเท่านั้น  ซึ่งนักศึกษาต้องไปอาศัยที่อำเภอหัวหินซึ่งมีสถานประกอบการมากแต่ไกลจากอำเภอเมืองเกือบหนึ่งร้อยกิโลเมตร  ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง  ที่สำคัญการเรียนทวิภาคี  จำนวนหน่วยกิตหรือวิชาเรียนหายไปหลายวิชา  เพราะเรียนทฤษฎีในชั้นเรียนเพียงหนึ่งปี   หากฝึกทำงานจริงการทำบัญชีเป็นเรื่องยากต้องมีพื้นฐานที่ดีวิทยาลัย  ซึ่งสถานประกอบการคงไม่มาสอนเข้ม  ทำให้ความรู้ของนักศึกษาน้อยกว่าระบบปกติ   รวมถึงการศึกษาต่อในระดับปริญญา และจำนวนหน่วยกิตที่เทียบโอนไม่ได้

 

ล่าสุด ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวไว้แล้ว จากนั้นจะมีการรายงานให้ นายพัลลภ สิงหเสณี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รับทราบรวมทั้งจะต้องมีการเชิญ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์มาสอบถามข้อเท็จจริง และประชุมหาข้อสรุปร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งนี้ในส่วนของนักเรียนยืนยันว่า หากยังไม่การดำเนินการแก้ไขในเรื่องนี้จะมีการเคลื่อนไหวต่อไป

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน