“ปลูกพริกไทย”เกษตรกรชาวสวนยางพาราตัดโค่นต้นยางปลูกพริกไทย ส่งขายกิโลกรัมละ 300-380 บาท ปรากฏว่ายอดขายพุ่งต้องเตรียมขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม
“ปลูกพริกไทย”ชาวสวนยางพาราหัวใสล้มยางพาราแค่ 1 ไร่ ปลูกพริกไทย ได้300,000/ปี : นายสุนะ ชูพูล อายุ 54 ปีอยู่บ้านเลขที่ 59/1 หมู่ที่ 7 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ได้ปรึกษากับลูก ๆ ว่า เมื่อราคายางพาราตกต่ำลง จึงจำเป็นต้องหารายได้เสริมที่ดีกว่าเพื่อจะได้มีเงินส่งเสียให้ลูก ๆ ได้เรียนหนังสือจนจบระดับปริญญาตรี
จึงตัดสินใจโค่นต้นยางพาราเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ เพื่อปลูกพริกไทย 2 สายพันธุ์คือพันธุ์ซีรอนจำนวน 100 ต้น และพันธุ์พื้นเมือง 300 ต้น โดยเริ่มปลูกมาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งพริกไทยจะเก็บได้เต็มที่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 กิโลกรัม ก็ยังมีรายได้กว่า 300,000 บาทต่อปี
ซึ่งดีกว่าการทำสวนยางพารามาก อีกทั้งการดูแลก็ไม่ยุ่งยาก ใส่ปุ๋ยคอกสลับกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ปีละครั้ง รดน้ำสัปดาห์ละครั้ง ไม่มีปัญหาเรื่องโรคและแมลงรบกวน ซึ่งนอกฤดูกาลก็ยังมีพริกไทยทยอยออกเรื่อย ๆ ยังพอได้เก็บขายเป็นพริกไทยอ่อนหรือนำไปประกอบอาหารภายในครัวเรือน
สำหรับพริกไทยที่ปลูกใช้เวลาประมาณ 1 ปีกว่า ก็เริ่มให้ผลผลิตเมื่อย่างเข้าสู่ปีที่ 2 ปีที่ 3 ผลผลิตก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อขายสดไม่หมด ก็นำมาตากแห้ง เพื่อทำเป็นพริกไทยดำ ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นาน 4-5 ปี และทยอยออกขายได้ตลอดทั้งปี ส่วนราคาก็ดีกว่าพริกไทยสดซึ่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 80-100 บาท
แต่พริกไทยดำพันธุ์ซีรอนกิโลกรัมละ 300 บาท พริกไทยดำพันธุ์พื้นเมืองกิโลกรัมละ 380 บาท ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องแกงตำมือ ร้านอาหาร และชาวบ้านทั่วไป ซึ่งพริกไทยพันธุ์พื้นเมืองจะได้รับความนิยมมากกว่าเพราะรสชาติเผ็ดร้อนและหอมกว่า จึงมีราคาสูงกว่า
นายสุนะ ชูพูล เกษตรกรผู้หันมาปลูกพริกไทย ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง กล่าวว่า เริ่มปลูกมาตั้งแต่ปี 2557 ระยะที่เก็บผลผลิตเต็มที่คือ 5 ปีใน 400 ต้นได้ผลผลิตประมาณ 1,000 กิโลกรัมต่อปี ขายสดต่ำสุด 80 บาท ทำพริกไทยดำขาย 300-350 บาท ลูกค้าทั่วไปตามสั่ง
ผลตอบรับดีมากมีเท่าไหร่ก็ไม่พอและขายได้ทั้งปีเก็บไว้ได้นาน แนวโน้มจะปลูกเพิ่ม โดยพันธุ์ซีรอนถูกกว่า ถ้าสั่งเยอะ ๆ จะลดราคาลงได้อีก สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 080-8710376 หรือ 098-0159834
