ตรัง เปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปเข้าชมดอกกล้วยไม้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกหรือดอกว่านเพชรหึง/ว่านหางช้าง ซึ่งบานพร้อมกันกว่า 500 กอ และจะบานไปถึงปลายเดือนกันยายนนี้โดยเข้าชมฟรี
วันนี้ 24 สิงหาคม 2563 ที่ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรัง ซึ่งได้เพาะเลี้ยงต้นว่านเพชรหึงหรือต้นหางช้าง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นต้นกล้วยไม้ที่มีดอกใหญ่ที่สุดในโลกไว้เกือบ 1,000 กอ แต่ปีนี้ประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้ออกดอกช้ากว่าปกติไป 1 เดือน คือจากประมาณเดือนมิถุนายนเป็นเดือนกรกฎาคม
แต่ก็ยังมีอีกกว่า 500 กอที่ออกดอกเบ่งบานชูช่ออย่างสวยงาม เพื่ออวดสายตานักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวชม โดยจะบานยาวนานไปจนถึงปลายเดือนกันยายนนี้ ซึ่งได้เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันในวันและเวลาราชการ ส่วนเกษตรกรรายใดที่สนใจจะทำการเพาะขยายพันธุ์ สามารถไปขอรับคำปรึกษาได้ฟรีเช่นกัน
ซึ่งดอกว่านเพชรหึงหรือดอกว่านหางช้าง จะบานปีละ 1 ครั้งเป็นเวลาประมาณ 3 เดือนนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคมของทุกปี ยกเว้นปีนี้ที่ดอกบานล่าช้าออกไป แต่ก็ส่งผลดีต่อการเข้าชมในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งจะมีไม้ดอกชนิดอื่น ๆ เบ่งบานพร้อมกันเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าเที่ยวชมกันด้วย
โดยดอกว่านหางช้างทุกกอได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในห้องปฏิบัติการ เพื่อลดการลักลอบนำออกจากป่า และลดอัตราการสูญพันธุ์ไปจากป่าธรรมชาติ และมีการปลูกคืนสู่ป่าในเทศกาลสำคัญต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดอกมีสีและกลีบเหมือนดอกแมลงปอ มีความยาวของช่อดอกจากโคนถึงปลายตั้งแต่ 1 เมตร-2.50 เมตร บางช่อยาวเกือบ 3 เมตร
จึงได้ชื่อว่าเป็นดอกกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยใช้เวลาปลูกประมาณ 3-4 ปีก็จะเริ่มออกดอกและดอกจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อลำต้นใหญ่ขึ้น โดยมีราคาซื้อขายขณะออกดอกตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนเลยทีเดียว ซึ่งในช่วงที่ดอกว่านหางช้างกำลังเบ่งบาน ปรากฎว่ามีนักท่องเที่ยวและเกษตรกรจากทั่วทุกภาคของประเทศ เดินทางไปเที่ยวชมกันอย่างไม่ขาดสาย
ด้านนางสาวิตรี ศรีหมอก นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรังกล่าวว่า การบานของดอกจะเริ่มดอกแรกที่อยู่โคนต้นจนถึงดอกสุดท้ายใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ความยาวของช่อดอกตั้งแต่ 1 เมตร-2 เมตรกว่า และจะบานในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนของทุกปี ตอนนี้มีทั้งต้นที่เริ่มบานและต้นที่ติดฝักแล้ว เพราะแต่ละกอจะบานไม่พร้อมกัน ส่วนใครที่สนใจสามารถเข้าชมได้ฟรีทุกวัน.
