X

นครฯ – รอง ผกก.สืบเมืองคอน นำพยานลงพื้นที่ทำแผนชี้จุด ‘คดีปืนลั่น’เอง หลังพบเงื่อนงำ! นำไปสู่การลอบฆ่า (มีคลิป)

นครศรีธรรมราช : ชุดสืบสวนคลี่คลายคดียิง นายสิทธิชัย (สีแก้ว) แป้นจันทร์ อดีตพลทหารต่อสู้อากาศยาน ทร. ยังคงทำงานหนัก หลังพบความผิดปกติในคดีจากเดิมเป็นปืนลั่นใส่ จนกลายเป็นการลอบฆ่า ล่าสุดเรียกตัวพยานเข้าที่เกิดเหตุ ทำแผนชี้จุดตำแหน่งผู้ตาย หาทิศทางแนวระยะ จุดซุ่มยิงของคนลงมือก่อเหตุ คาดอาจมีมากกว่า 1 คน

วันที่ 13 กรกฎาคม 2564 คดีการเสียชีวิตของ นายสิทธิชัย (สีแก้ว) แป้นจันทร์ อายุ 34 ปี อดีตพลทหารต่อสู้อากาศยาน ทร. หลังถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณข้อศอกซ้ายทะลุลำตัว นอนเสียชีวิตอยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้าน เลขที่ 178 ม.5 บ้านตีนนา ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 4 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ยังคงเป็นคดีที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ต้องเร่งหาข้อมูลเพื่อคลี่คลายคดี หลังพบว่าอาวุธปืนที่ นายฐาปกรณ์ (คิม) หมุดลิหมีน อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 ม.5 ต.กำแพงเซา อ.เมืองนครศรีธรรมราช นำไปถือเล่นกันกับผู้ตายในคืนวันเกิดเหตุนั้น เป็นปืนพลาสติกที่นำมาดัดแปลง ให้เป็นปืนชนิดขนาด .22 และไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งเป็นคนละชนิดกันกับที่ลั่นกระสุนใส่ตัวผู้ตาย (ลูกซอง) และยังเป็นปริศนาที่ทาง จนท.จะต้องหาข้อสรุปว่าใครเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ

โดยล่าสุดวันนี้ พ.ต.ท.ธีรวุฒิ เทพเลื่อน รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย รอง ผกก.(สอบสวน) ร.ต.ท.หญิง ทิพย์วิมล ดวงปาน ร้อยเวรเจ้าของคดี และ ตร.ชุดสืบสวน กว่า 10 นาย เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง หลังพบสิ่งผิดปกติและมีเงื่อนงำในคดีหลายอย่าง โดยให้น้ำหนักไปที่การลอบสังหาร ส่วนปมสาเหตุนั้นยังไม่สามารถสรุปและให้ข้อมูลต่อสาธารณะได้

ในวันนี้ ทางชุดสืบสวนได้เรียกตัวพยานคือ นายสุรเชษฐ์ คล้ายณรังสี และนายฐาปกรณ์ หมุดลิหมีน ผู้ต้องสงสัยในตอนแรก ที่หลบหนีไปหลังเกิดเหตุ แต่ได้เข้าแสดงความบริสุทธิ์ใจกับ จนท.ตร.ก่อนหน้านี้ เพื่อมาทำแผนชี้จุดที่ตนเองและตัวผู้ตายอยู่ก่อนเกิดเหตุ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจอีกครั้ง พร้อมทั้งหาร่องรอยหลักฐาน แนวระยะการยิงของวิถีกระสุน พร้อมจุดที่คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้เป็นจุดซุ่มยิง ซึ่งยังคงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่า ผู้ตายถูกยิงมาจากทิศทางใด และจุดไหนที่มือปืนใช้เป็นที่ซุ่มยิง

จากคำให้การเพิ่มเติมของนายสุรเชษฐ์ พยานเพียงคนเดียวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และได้พยายามช่วยยื้อชีวิตเพื่อนหลังถูกยิง ซึ่งเดิมทีคิดว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น จากปืนที่ผู้ตายและนายฐาปกรณ์ นำมาถือเล่นกันจนเกิดลั่นใส่ แต่ผลปรากฏว่า กระสุนปืนที่ปลิดชีพนั้นเป็นคนละชนิดกัน รวมถึงตำแหน่งที่อยู่และลักษณะท่าทางของนายสิทธิชัยก่อนถูกยิง ซึ่งมานึกได้ในภายหลังว่า ก่อนได้ยินเสียงปืน นายสิทธิชัยกำลังยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับจุดที่ล้มตัวลงนอน โดยหันข้างลำตัวเข้าหาระเบียงบ้านฝั่งที่เปิดโล่งอยู่ โดยบันไดบ้านอยู่ทางด้านขวา ส่วนตนเองนั่งอยู่ที่บริเวณโซฟาฝั่งตรงข้ามกับผู้ตาย ที่อยู่ห่างกันประมาณ 3-4 เมตร  ส่วนชายอีกคนที่นำปืนมาถือเล่นกับผู้ตายนั้น นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างตนเองกับผู้ตาย ใกล้กับประตูห้องซึ่งมีฝาห้องปิดกั้นอยู่ หลังสิ้นเสียงปืนดัง เห็นว่านายสิทธิชัย (เพื่อน) ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมโทรศัพท์แจ้งให้มูลนิธิทราบ และตามให้ญาติมาช่วย ซึ่งช่วงจังหวะนั้น เป็นช่วงที่ตนเองรู้สึกตกใจมาก ประกอบกับเสียงเพลง ที่นายสิทธิชัยเปิดไว้ดังมากตอนก่อนเกิดเหตุ  จึงไม่ได้สนใจและไม่ได้ยิน หรือเห็นถึงความผิดปกติอย่างอื่น เพราะมุ่งแต่ต้องการช่วยชีวิตเพื่อนให้ได้

“เมื่อคืนที่ผ่านมา เชื่อว่าผู้ตายได้มาหาตนเองที่บ้าน โดยมาเดินรอบบ้าน ก่อนยืนกระทืบเท้าอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน 2 ครั้ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทำให้ตนเองสามารถนึกย้อนภาพเหตุการณ์ขณะที่นายสิทธิชัยถูกยิง นายสิทธิชัยกำลังยืนอยู่ ราวกับว่า มาบอกให้ตนเองทราบ ว่าตัวเองไม่ได้นั่งอยู่ รวมถึงอีกหลาย ๆ เหตุการณ์ ที่ผู้ตายได้พยายามสื่อสารสิ่งต่าง ๆ ให้ตนเองได้สัมผัสและรับรู้ได้ เชื่อว่ามันเกิดขึ้นกับตนเองจริง ๆ แต่หากบอกไปแล้ว คนฟังก็อาจจะมองว่าตนเองบ้าหรือเพี้ยนไปแล้ว”

สำหรับการเข้าตรวจสอบและทำแผนในครั้งนี้ ทาง จนท.ยังคงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่า จุดที่คนร้ายใช้ซุ่มอยู่และใช้ยิงผู้ตายนั้น เป็นจุดใดของตัวบ้าน และคนร้ายใช้วิธีขึ้นลงด้วยวิธีใด เนื่องจากระยะความสูงจากพื้นดินใต้ถุนบ้านกับพื้นไม้กระดานชั้น 2 ของตัวบ้าน เกินกว่า 2 เมตร แม้จะมีช่องว่างหรือตำแหน่งที่คนร้ายจะสามารถใช้ปีนส่องขึ้นมาได้ก็ตาม แต่ก็ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก จึงยังไม่ตัดประเด็นอื่นออกไป โดยเฉพาะนายฐาปกรณ์ (คิม) หมุดลิหมีน ที่ได้หลบหนีไปหลังเกิดเหตุ รวมถึงผู้นำชุมชนคนหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกพาดพิงถึง ซึ่งหลังจากนี้ยังคงที่จะต้องเรียกตัวมาเพื่อสอบสวนเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม จนท.ยังไม่สามารถให้ข้อมูลด้านคดีต่อสื่อมวลชนได้ แต่มีข้อมูลของผู้ต้องสงสัยอีกราย ที่มีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นผู้ลงมือก่อเหตุเช่นกัน โดยเป็นคนในพื้นที่ เข้าออกบ้านผู้ตายเป็นประจำจนชำนาญเส้นทาง และรู้ถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของตัวผู้ตายเป็นอย่างดี พบว่าบุคคลผู้นี้เพิ่งเคยมีปัญหาปากเสียงทะเลาะกันกับผู้ตายอย่างรุนแรง ก่อนพูดป่าวประกาศให้ทั้งตัวผู้ตายและกลุ่มเพื่อนวัยรุ่นทราบว่า “หากมาอีกครั้ง จะมาด้วยลูกซองยาว” ซึ่งทาง ตร.ชุดสืบสวนกำลังรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนก่อน และอาจจะเรียกตัวมาสอบสวนในเร็ว ๆ นี้

ขณะที่นางลำไย แป้นจันทร์ แม่ของผู้เสียชีวิต ยังรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังทำใจไม่ได้ที่ลูกชายต้องมาจากไปอย่างกะทันหัน ทุกครั้งที่เกิดปัญหา ตัวลูกชายเองจะมาเล่าให้ฟังทุกครั้ง และมีเพียงคนนี้คนเดียวที่เคยมีปัญหากัน ตอนนี้ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จากทางตำรวจ ได้เพียงแต่บนบานศาลกล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และนึกถึงดวงวิญญาณของลูกชายที่เชื่อว่ายังคงอยู่ ไม่ไปไหน ให้ดลจิตดลใจคนที่ทำนั้นเข้ามอบตัว หรือให้ตำรวจจับตัวมาลงโทษในสิ่งที่ทำไปโดยเร็ว

อ่านข่าวที่เกี่ยวเนื่องได้ที่ลิงก์ด้านล่าง:

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

กิติ์ดนัย ไชยนุรัตน์

กิติ์ดนัย ไชยนุรัตน์

ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นเว็บไซต์ 77 ข่าวเด็ด ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช แพลตฟอร์มชุมชนข่าวสาร 77 จังหวัด พบกับเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง กับข่าวท้องถิ่นทั่วประเทศ