นครศรีธรรมราช : เด็กวัยรุ่นเจ้าของปืนที่เล่นกับอดีตพลทหาร เข้าพบตำรวจแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยอมรับเป็นเจ้าของปืนจริง แต่ใช้การไม่ได้ ไม่รู้ถูกนำไปทิ้งหน้าบ้านแม่ผู้ตายได้อย่างไร ขณะตำรวจได้เบาะแสผู้ต้องสงสัยรายใหม่ คาดได้คนร้ายตัวจริงมาลงโทษแน่
วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 คดีนายสิทธิชัย (สีแก้ว) แป้นจันทร์ อายุ 34 ปี อดีตพลทหารต่อสู้อากาศยาน ถูกยิงเสียชีวิตบนบ้านของตัวเอง เลขที่ 178 ม.5 บ้านตีนนา ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อคืนวันที่ 4 กรกฎาคม 2564 มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังพบความผิดปกติในสาเหตุการตาย จากตอนแรกมีความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นเป็นปืนลั่นใส่ ขณะกำลังเล่นปืนกับวัยรุ่นคนหนึ่ง และหลังเกิดเหตุ วัยรุ่นคนดังกล่าวได้รีบออกจากที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยอาวุธปืนที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเองและนำมาเล่นกับผู้ตาย
โดยญาติ ๆ พากันตั้งข้อสงสัยถึงข้อเท็จจริงที่ทำให้นายสิทธิชัยตาย มีการโยงเรื่องไปยังความขัดแย้งระหว่างผู้ตายกับผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เรื่องปัญหาที่ดินที่มีมานานหลายปี อาจนำไปสู่การวางแผนสังหาร ประกอบกับอาวุธปืนที่ผู้ตายและเด็กหนุ่มวัยรุ่นนำมาเล่นกันนั้น ไม่ใช่ปืนลูกซองที่สอดคล้องกับกระสุนที่ปลิดชีพนายสิทธิชัย อีกทั้งยังมีการพบเห็นชิ้นส่วนปืนที่ทำขึ้นมาเอง ตกอยู่ในพงหญ้าข้างทางเข้าบ้านจัดงานศพผู้ตาย ซึ่งมีพยานพบเห็นผู้ใหญ่บ้านเดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุด้วยท่าทางมีพิรุธ และวันรุ่งขึ้นยังมาตัดหญ้าตลอดแนวทางเข้าบ้านงานศพ อ้างว่าเพื่ออำนวยความสะดวกในการจอดรถของผู้เข้ามาร่วมงาน ซึ่งเป็นจุดที่พบชิ้นส่วนปืนด้วย
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (8 ก.ค.) นายฐาปกรณ์ (คิม) หมุดลิหมีน อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 ม.5 ต.กำแพงเซา อ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้เข้าพบพนักงานสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากเป็นเจ้าของปืนที่นำออกมาเล่นกับผู้ตายในวันเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ นายฐาปกรณ์ (คิม) เป็นเวลาหลายชั่วโมง ต่อมา พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้เข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติม โดยใช้เวลากว่า 40 นาที
นอกจากนี้ ตำรวจยังติดต่อให้ นายสุรเชษฐ์ คล้ายณรังษี อายุ 37 ปี พยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของผู้ตาย เดินทางเข้ามาชี้ตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งยืนยันว่าเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ และได้นำอาวุธปืนออกมาเล่นกันกับผู้ตาย ก่อนมีเสียงปืนดังขึ้น และได้รีบออกจากที่เกิดเหตุไปพร้อมด้วยอาวุธปืนที่นำมา รวมถึงเขาวัวที่ตนเองนำมาขายให้แต่ยังไม่ทันตกลงซื้อขายกัน
ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัย คือ นายฐาปกรณ์ (คิม) ได้รับสารภาพว่า อาวุธปืนที่พบนั้นเป็นของตนเองจริงแต่ไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนสาเหตุที่หลังเกิดเหตุได้รีบออกจากพื้นที่ไป เนื่องจากตกใจ แต่ได้ไปบอกให้ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร รวมถึงชาวบ้านในละแวกนั้นทราบ แล้วนำอาวุธปืนไปเก็บไว้ที่คอกวัวที่บ้าน และไม่ได้สนใจอะไรอีก รวมถึงไม่ทราบว่าปืนของตนเองถูกนำมาทิ้งไว้บริเวณหน้าบ้านของแม่ผู้ตายได้อย่างไร กระทั่งมาเห็นข่าว จึงมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยืนยันว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นเพียงสิ่งเทียมอาวุธ และไม่สามารถใช้งานได้จริง ตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องสงสัย
คำให้การของ นายฐาปกรณ์ (คิม) ที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และวัตถุเทียมอาวุธปืนที่ยึดได้ข้างทางเข้าบ้านจัดงานศพ ซึ่งไม่สามารถใช้งานได้ และไม่ตรงกับกระสุนสังหาร ตำรวจจึงปล่อยตัวกลับไป โดยยังไม่ตั้งข้อกล่าวหาใด ๆ แต่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งทั้งหมด
นอกจากนี้ จนท.ชุดสืบสวน ยังได้ข้อมูลเบาะแสอีกทาง ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผย แต่ทราบว่ามีตัวบุคคลต้องสงสัยที่พัวพันกับเหตุการณ์นี้เพิ่ม และเกี่ยวข้องกับตัวบุคคลที่่เคยมีความขัดแย้งกับผู้ตายจริง ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้จากสื่อ โดยเฉพาะการนำอาวุธปืนที่ใช้การไม่ได้มาทิ้งข้างทาง โดยมีพยานเห็นเหตุการณ์ยืนยันได้
นำไปสู่เส้นทางใหม่ให้พนักงานสืบสวนต้องเร่งลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะการตรวจจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดูสถานที่ วิถีและแนวระยะยิงของกระสุนปืน หลังพบว่าผู้ตายไม่ได้ถูกปืนลั่นใส่จากปืนที่ถือเล่นกันอยู่ แต่เป็นการถูกยิงจากปืนอีกกระบอก และเท่าที่ทราบในตอนนี้ เริ่มมีขบวนการตกแต่งและเบี่ยงเบนประเด็น ทำให้ จนท.เกิดความสับสน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะสามารถนำไปสู่การหาคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดีได้ไม่ยาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องได้ที่ลิงก์ด้านล่าง :
