เน็ตไอดอลสาว หัวร้อน ขับรถวนหาทางออกจากอาคารจอดสนามบินสุวรรณภูมิไม่เจอ จนขับไปเจอพนักงานสาวที่เคาน์เตอร์บริการ จึงจอดรถถามหาทางออก ก่อนจะลงมาตบพนักงานสาว จนพนักงานสาวต้องหยิบมือถือมาถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน เน็ตไอดอลสาว ยอมรับผิด อ้างว่าได้ยินคำตอบพนักงานแล้วรู้สึกไม่ดี ประกอบกับอยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียว ด้านเพื่อนเน็ตไอดอลสาว เผยว่า เน็ตไอดอลสาวมีอาการป่วยทางจิต เคยเข้ารับการรักษามาแล้ว
ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในลานจอดรถชั้น 4 ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จับภาพได้ขณะที่มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีขาวคันหนึ่งขับมาจอดใกล้เคียงจุดจอดรถคนพิการ ซึ่งมีเคาน์เตอร์พนักงานประจำจุดอยู่ และมีพนักงานสาวคอยให้บริการอยู่ รถคันดังกล่าวได้ขับมาจอดในลักษณะคล้ายจะถามทาง แล้วปรากฏว่ามีหญิงสาวคนขับรถคันดังกล่าวได้เปิดประตูลงมาจากรถก่อนจะเดินปรี่ไปหาพนักงานสาวและลงมือทำร้ายร่างกายหลายครั้ง โดยมีภาพวงจรปิดจับพฤติกรรมทั้งหมดเอาไว้ได้ จากภาพจะเห็นว่าพนักงานสาวรายนี้เธอพยามถอยหนีออกมาแต่หญิงสาวคนขับรถคันดังกล่าว เดินตามมาตบหน้าเธอซ้ำอีกครั้งก่อนจะขับรถออกไป นอกจากนั้นยังมีคลิปวีดีโอที่พนักงานสาวรายนี้ได้คว้ามือถือขึ้นมาบันทึกภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากคลิปหญิงสาวคนขับรถคันดังกล่าว มีการด่าทอ และพูดจาด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยเฉพาะหลังจากที่เธอเห็นว่าพนักงานสาวรายนี้ยกมือถือขึ้นมาบันทึกภาพยิ่งทำให้เธอไม่พอใจ และพยายามบังคับให้ลบคลิป โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 15.00 น. วันที่ 13 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา
ข่าวน่าสนใจ:
หลังเกิดเหตุ นางสาว นิ (นามสมมุติ) พนักงานสาวที่อยู่ในคลิป ได้รายงานเหตุไปยังศูนย์สุวรรณภูมิ ก่อนจะประสานผู้เกี่ยวข้องของทางสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นจึงเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อแจ้งความเอาผิดหญิงคนขับรถคู่กรณี พร้อมนำใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลมาใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิดคู่กรณี
นางสาว นิ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายที่โดนตบ เธอเล่าให้กับนักข่าวเราฟังว่า ขณะที่ตนเองกำลังเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่คอยคัดกรองรถลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในอาคารจอดรถ ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดจอดของคนพิการ จึงต้องคอยคัดกรองเพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการที่มาใช้บริการ ระหว่างนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น มีหญิงคนขับรถคู่กรณี ขับมาจอดเปิกดกระจกฝั่งซ้ายถามทางออกลานจอดรถ ตนเองก็ตอบกลับไปว่าให้ลูกค้าตรงไปแล้วมองตามป้ายทางออก พอบอกเสร็จทำให้คู่กรณีอาจไม่พอใจจึงมีการด่าทอต่อว่าด้วยคำหยาบคายใส่ก่อน ตนเองจึงตัดสินใจคว้ามือถือออกมาบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและไม่คาดคิดว่าจะถูกอีกฝ่ายเข้าทำร้ายร่างกายตามคลิป ซึ่งตนเองยืนยันว่าคำพูดที่พูดออกไปกับลูกค้าเป็นเสียงปกติและมีน้ำเสียงพร้อมด้วยคำว่าคะทุกคำ แต่อาจทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจประกอบกับวนหาทางออกไม่เจอจนเกิดอารมณ์ฉุนเฉียว เหตุการณ์ดังกล่าวยอมรับว่าทั้งกลัวทั้งตกใจกับการถูกกระทำในครั้งนี้ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ต่อมา เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 13 มีนาคม 2566 ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางสาว ดา (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี คนขับรถเก๋งสีขาวที่ปรากฏในคลิป พร้อมกับเพื่อนสาวและเจ้าของรถเช่า ได้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน และพนักงานสาว เพื่อรับทราบข้อหา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวมาพบ โดยทั้งสองฝ่ายได้พบและพูดคุยกันในห้องพนักงานสอบสวนกับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น
นางสาว นิ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า หลังจากพบกับทางคู่กรณี ก็ได้มีการเข้ามาขอโทษและยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งยอมจ่ายเงินเยียวยาเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ให้กับตนเอง ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปนั้น คู่กรณี อ้างว่าเป็นการเข้าใจผิดกับคำพูดของตน ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้พูดจาขึ้นเสียงหรือถ้อยคำไม่สุภาพแต่อย่างใด อีกทั้งตนเองทราบดีกับงานบริการเช่นนี้
นางสาว ดา (นามสมมุติ) เปิดใจยอมรับผิดและขอโทษสังคมกับเหตุการณ์ดังกล่าว ยอมรับว่าได้ยินคำตอบจากพนักงานคนดังกล่าวแล้วตนเองรู้สึกไม่ดี ประกอบกับตนเองหาทางออกไม่เจอจนมีการขับรถวนหลายรอบทำให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวอีกทั้งพอมาเจอพนักงานยกโทรศัพท์ถ่ายคลิปอีกทั้งควบคุมตัวเองไม่อยู่ หลังเกิดเรื่องจนกระทั่งช่วงค่ำทางบริษัทเช่ารถติดต่อไปให้เข้ามาพบตำรวจจึงพากันเดินทางมาพบในครั้งนี้และแสดงความรับผิดชอบต่อคู่กรณี
ขณะที่ เพื่อนรุ่นพี่คนสนิท เปิดใจกับนักข่าวว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการป่วยทางจิต เคยเข้ารับการรักษามาแล้ว และเคยคิดจะกระโดดสะพานมาแล้วครั้งนึง จนกระทั่งครอบครัวส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและกลายเป็นเน็ตไอดอลในโซเซี่ยล ที่ผ่านมาในกลุ่มบรรดาเพื่อน ๆ มักจะเจออารมณ์หัวร้อนของผู้ก่อเหตุบ่อยครั้ง ใครพูดไม่เข้าหูหรือทำอะไรไม่ถูกใจก็จะเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวใส่ทันที พอมาทราบข่าวในวันนี้ยิ่งตกใจจึงตัดสินใจเดินทางมาเป็นเพื่อน
พ.ต.ท. กวีรัตนะ บังคมธรรม รองผกก.สอบสวน. สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เผยว่า ในส่วนของการเยียวยากับผู้เสียหายเป็นการเจรจากันของทั้งสองฝ่าย ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย จึงสั่งปรับในอัตรา 2,000 บาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: