ผู้สูงอายุรวมตัวร้องศูนย์ดำรงธรรมซื้อบ้านแต่เครื่องสาธารณณูปโภคไม่สะดวก

ราชบุรี   ในวันนี้(16 ส.ค.65)ได้มีผู้สูงอายุที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในหมู่ 5 ต.น้ำพุ  อ.เมือง  จ.ราชบุรี  รวมตัวกันนำเอกสารหนังสือสัญญาการซื้อขายที่ดินและบ้านรวมทั้งแผ่นพับโฆษณาเชิญชวนให้มาซื้อที่ดินในบริเวณดังกล่าว มาร้องศูนย์ดำรงธรรมจ.ราชบุรี เพื่อขอให้ทางศูนย์ดำรงธรรมช่วยเป็นคนกลางในการประสานงานกับทางผู้ขายที่ดินและบ้านให้มาพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องของน้ำประปาหมู่บ้านที่ไหลบ้าง ไม่ไหลบ้าง บางครั้งก็หยุดไหลไปหลายวันทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านซึ่งมีกว่า 200  หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อน ต้องไปขอให้ทางอบต.น้ำพุได้ช่วยนำน้ำมาแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราว  ซึ่งชาวบ้านไปตรวจสอบก็พบว่าทางคนดูแลเรื่องน้ำประปานั้นปิดสวิซท์ปั๊มน้ำทำให้น้ำไม่ไหล  นอกจากนี้ยังมีเรื่องของไฟส่องสว่าง ตามถนนเข้าหมู่บ้านก็ไม่มี  ถนนก็ถูกนำป้ายมาติดว่าเป็นถนนส่วนบุคคลทำให้ชาวบ้านเกรงว่า ถ้าหากทางเจ้าของที่ดินทำการปิดถนน ชาวบ้านก็จะเดือดร้อนเพราะไม่มีทางเข้าออก จึงอยากให้ทางศูนย์ดำรงธรรมได้ช่วยเร่งดำเนินการประสานกับทางผู้ขายให้มาพูดคุยและทำบันทึกข้อตกลงในการแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในวันข้างหน้าและต้องการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน

   จากการสอบถามนายเนตรตะวัน   โสมนาม  ซึ่งเป็นตัวแทนผู้สูงอายุที่มาร้องเรียน ก็บอกว่าคนที่มาซื้อดินแถมบ้านตามโฆษณาที่มีการลงขายในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อหลายปีก่อนส่วนใหญ่เป็นข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว และต้องการความสงบรวมทั้งในโฆษณาก็เห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวนั้นเงียบและเหมาะสมผู้สูงอายุที่จะมาอยู่ จึงตัดสินใจซื้อที่ดินแถมบ้านแต่พอมาอยู่แล้วกลับไม่ได้เป็นอย่างที่มีการโฆษณาไว้ แถมยังได้รับความเดือดร้อนจนบางคนยอมขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น  แต่บางคนก็ยังต้องอยู่ที่นี่เพราะนำเงินก้อนสุดท้ายมาซื้อแล้ว ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน

ทางด้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมก็ได้รับเรื่องไว้พร้อมจะทำการตรวจสอบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของใคร หรืออาจจะเปลี่ยนเจ้าของไปแล้ว และจะได้ทำหนังสือให้มาพูดคุยเพื่อหาข้อตกลงในการแก้ปัญหาให้ชาวบ้านต่อไป

        ต่อมาในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน กลุ่มผู้สูงอายุก็ได้เดินทางไปยื่นหนังสือกับนางบุญยิ่ง  นิติกาญจนา  ส.ส.ราชบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ  เพื่อขอให้ช่วยประสานในการพุดคุยกับทางเจ้าของที่ดิน  เนื่องจากเกรงว่าหาก รอทางศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบเอกสารที่ชาวบ้านไปร้องเรียนก็เกรงว่าอาจจะล่าช้า  เนื่องจากมีชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านดังกล่าวกว่า 400 หลังคาเรือน  แม้ว่าบางบ้านจะปล่อยให้เป็นบ้านร้าง หรือบางบ้านต้องติดป้ายขายเพราะทนอยู่โดยไม่มีน้ำใช้ ไฟฟ้าไม่สว่างไม่ไหว   จึงต้องมาร้องกับทางส.ส.เพื่อขอให้ช่วยอีกแรง

ด้านนางบุญยิ่ง    นิติกาญจนา   ส.ส.ราชบุรี  ก็กล่าวว่าหลังรับเรื่องร้องเรียนแล้วจะนำเรื่องเข้าคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอย่างเร่งด่วน