X

บุรีรัมย์ โจรคิดผิดงัดร้านขายวงจรปิด ตำรวจตามกล้องวงจรปิดรวบทันควัน

ตำรวจ สภ.กระสัง บุรีรัมย์ ตามรวบได้ทันควัน คนร้ายบุกงัดร้านขายกล้องวงจรปิด ได้ทั้งเงินสดและบัตร ATM เผยไม่ผิดตัวเพราะวงจรปิดโครงการ “Smart Safety Zone”ใช้กล้องแบบ Full hd ทั้งอำเภอ ขณะคนร้ายดีใจที่ได้บัตรพร้อมรหัส ในกระเป๋า เข้าไปกดเงินสด โอนให้เมียเก่า ให้ญาติอย่างสบายใจ สุดท้ายโดนรวบ

วันที่ 8 มิ.ย.65 น. พ.ต.อ.วิษณุ อาภรณ์พงษ์ ผกก.สภ.กระสัง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาเปิดเผย หลังสามารถจับกุมนายปรีดา หรือ ติ๊ก อายุ 35 ปี ชาวบ้าน ต.หนองเต็ง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้ภายใน 10 ชม.หลังก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้านขายกล้องวงจรปิด

ผกก.สภ.กระสัง กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.00 น.ได้รับแจ้งจากนายประจวบ พิรารัมย์ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านช่างจวบโซล่าเชลล์ ซึ่งเป็นเป็นร้านรับติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ และอุปกรณ์กล้องวงจรปิดทุกชนิด ตั้งอยู่ห้องแถวริมทางรถไฟ ม.9 ต.กระสัง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ มาแจ้งว่าได้ตรวจสอบทรัพย์สินและเงินสดภายในร้านได้หายไป


จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า เวลาประมาณ 01.50 น.ได้มีคนร้าย 1 คน ปรากฏตามภาพจากกล้องวงจรปิด แล้วเข้ามาภายในร้านแล้วลักเอาเงินสดจำนวน 1,200 บาท และโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง

จากนั้นตำรวจชุดสืบสวน สภ.กระสัง ได้เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ สอบถามพยานแวดล้อม และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในร้านและกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงร้าน พบว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นชายรูปร่างสันทัด ผิวดำแดง สวมเสื้อกันหนาวสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ขายาว อายุประมาณ 35 ปี ได้เข้ามาในร้านแล้วหยิบเองเงินสดที่ใส่ไว้ในกระปุก และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่องไป

ตำรวจจึงแกะรอยจากภาพวงจรปิดไป จนพอทราบบ้านของคนร้าย เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดแต่ละจุด เป็นกล้องมีความละเอียดของภาพค่อนข้างสูง (Full Hd) กระทั่งรู้ตัวว่าคนร้ายน่าจะอยู่ที่ หมู่ 12 ต.หนองเต็ง

เวลา 19.00 น.ชุดจับกุมจึงตามไปควบคุมตัวนาย ติ๊ก ได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ใน อ.กระสัง โดยนายติ๊ก รับสารภาพว่าเป็นคนในภาพวงจรปิดจริง นอกจากนี้ตำรวจยังพบหลักฐานยืนยันชัดเจนอีกว่า นายติ๊ก ได้ใช้บัตร ATM ของผู้เสียหาย ไปกดเงินสด และโอนให้ญาติ

นายติ๊ก สารภาพด้วยว่า คืนนั้นได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือ SAMSUNG สีทอง จำนวน 1 เครื่อง และเงินสด จำนวน 840 บาท และกระเป๋า 1 ใบ ภายในมีบัตร ATM หลายธนาคาร แต่ในกระเป๋า มีรหัสของ ATM อยู่ในกระเป๋าด้วย รวมถึงโทรศัพท์ที่ได้ไป มีแอปฯของธนาคาร และโทรศัพท์ไม่มีรหัสผ่าน


นายติ๊กสารภาพด้วยว่า ตนได้เปิดแอปธนาคารกรุงไทย (krungthai NEXT) ชื่อบัญชี นายประจวบ พิรารัมย์ พบมียอดเงินในบัญชี 9,000 บาท จึงไปถอนเงินสดจากตู้ ATM ธนาคารกรุงไทยสาขากระสัง ออกมาทั้งหมดเลย

แอปที่ 2 เป็นธนาคาร ธกส. ตรวจสอบมียอดเงิน 2,006 บาท ตนจึงทำการโอนไปบัญชี อดีตภรรยา จำนวน 1,000 บาท และโอนไปยังบัญชีพี่สาวจำนวน 500 บาท , เติมเงินใส่โทรศัพท์ จำนวน 50 บาท 2 ครั้ง (100 บาท)

แอปที่ 3 เป็นธนาคารออมสิน ตรวจสอบมียอดเงิน 500 บาท ตนจึงทำการโอนกลับยังบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อของนายประจวบ พิรารัมย์ ทั้งหมดเลย

ส่วนเงินสด จำนวน 9,000 บาท ซึ่งถอนมาก่อนนี้นั้น ได้นำเงินสดจำนวน 1,000 บาท ใส่ตู้ฝากเงินสด ธกส.หน้าโลตัสสาขากระสัง โอนไปยังบัญชีอดีตภรรยา, จ่ายค่าห้องพัก จำนวน 700 บาท , จ่ายค่าชื้อของใช้และเครื่องดื่ม จำนวนประมาณ 1,000 กว่าบาท , ให้พี่สาว ไปอีกจำนวน 1,000 บาท , ไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารอีสานแห่งหนึ่ง จำนวนประมาณ 800 บาท , ชื้อบุหรี่ จำนวน 200 บาท และรับเพิ่มเติมว่าได้เสพยาบ้ามาล่าสุดเมื่อประมาณ 2 วันที่ผ่านมา จำนวน 1 เม็ดครึ่ง

เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหา “ ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน หรือรับของโจร และเสพยาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ”

ผกก.สภ.กระสัง กล่าวด้วยว่า อำเภอกระสัง เป็นหนึ่งสถานีตำรวจตัวอย่าง“Smart Safety Zone” ของตำรวจภูธรภาค 3 มีกล้องวงจรปิดคุณภาพสูงติดเฉพาะในเขตเทศบาลตำบลกระสัง กว่า 80 จุด แต่ละหมู่บ้านแต่ละตำบล จุดสำคัญ จะมีกล้องวงจรปิดเชื่อมต่ออีกกว่า 100 จุด ดังนั้นคนร้ายที่มาก่อเหตุ จะสามารถนำภาพไปประกอบกันจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ในเคสนี้จับกุมได้หลังก่อเหตุภายใน 8 ชม.

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน