X

ชาวบ้านบุกเข้าทำกินที่ดินแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กว่า 500 ไร่ ระบุทหารปล่อยให้เขมรยึดดินแดนไทย

สระแก้ว – ชาวบ้านป่าไร่ จ.สระแก้ว เกือบ 50 ราย บุกเข้าทำกินที่ดินแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวนกว่า 500 ไร่ ระบุทหารปล่อยให้เขมรรุกอธิปไตยยึดบ้านในอดีต พร้อมกีดกันไม่ให้เข้าทำประโยชน์ ขณะที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้บุกรุกที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เข้ารังวัดตามคำสั่งศาลที่มีคำพิพากษา

เมื่อวันที่ 8 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกินเกือบ 50 ราย ที่เป็นลูกหลานและชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน “บ้านน้อยป่าไร่” ในอดีต ที่ต้องอพยพออกมาอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของถนนศรีเพ็ญ ม.8 บ้านป่าไร่ใหม่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เนื่องจากภัยสงครามประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2518 ซึ่งปัจจุบันได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกินและยังไม่ได้รับการบรรเทาทุกข์จากกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในพื้นที่จุดดังกล่าว ได้ออกมาเรียกร้องและประสงค์จะเข้าทำประโยชน์ในที่ดินของตนเอง ตามสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิทธิพึงมี ตามหมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย และมาตรา 50 มีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ,ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ ได้เดินทางกลับเข้าพื้นที่เพื่อทำประโยชน์ในที่ดินของตนเอง ตามเอกสารสิทธิใบจอง นส.2 ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.)เป็นต้นมา

ทั้งนี้ นายชุมพล วัฒนพรรค อยู่บ้านเลขที่ 188 หมู่ที่ 8 ต.ช่องกุ่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว หนึ่งในครอบครัวของราษฎร”บ้านน้อยป่าไร่”ในอดีต และเป็นเจ้าของที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว เปิดเผยว่า ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกิน หลังมีทหารเปิดทางให้นายทุนที่ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน มาทำการรังวัดยื่นขอออกโฉนด ตนจึงไปคัดค้านและกรมที่ดินมีคำสั่งยกเลิก รวมทั้งศาลมีคำพิพากษาให้ชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิ์จริง เข้าทำการทำผังที่ดินเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ภายในวันที่ 21 ก.พ.นี้ เราจึงต้องเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการทวงสิทธิ์ของตนเอง และเป็นการรักษาอธิปไตยของชาติ เพื่อไม่ให้ไทยเสียดินแดน สาเหตุที่เร่งดำเนินการเนื่องจากมีข้อกังวลว่า ประเทศเพื่อนบ้านได้ส่งเสริมให้ราษฎร เข้ามาแทรกซึมทำประโยชน์ประชิดแนวที่ดินของเรา ตามเส้น MOU และสามารถออกโฉนดได้แล้วในบางจุด ซึ่งอาจเป็นปัญหาเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนในอนาคต เช่น บ้านน้อยป่าไร่ พิกัด TA410108, บ้านหนองดอ พิกัด TA394105 ซึ่งตามพิกัดนี้จะอยู่หลังเส้น MOU ซึ่งบริเวณบ้านน้อยป่าไร่นั้น มีบ้านเลขที่ของราษฎรตามใบแจ้งเกิด, ใบแจ้งตาย ประกอบกับภาพถ่ายทางอากาศซึ่งมีรูปบ้านปรากฏอยู่ชัดเจน และพื้นที่ตามพิกัดบ้านหนองดอ ปัจจุบันราษฎรของประเทศเพื่อนบ้านได้เข้ามาครอบครองและออกโฉนดได้ในบางส่วนแล้ว ถ้าในอนาคตมีการสร้างตึกสูงขึ้นมาอีก จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศอีก ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ ดังปรากฏด้านฝั่งตรงข้ามกับตลาดโรงเกลือ

นายชุมพล บอกว่า ความเดือดร้อนของพวกเราสืบเนื่องมาจาก ได้ทำกินบริเวณบ้านน้อยป่าไร่เป็นระยะเวลานาน จนได้รับเอกสารสิทธิ์เป็นใบจอง นส.2 ต่อมา ได้รับผลกระทบจากการประกาศป่าเขาฉกรรจ์ฝั่งเหนือ และได้อาศัยในที่ดินทำกินของตนเองเรื่อยมาในฐานะผู้บุกรุก จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2520 ก็ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม จึงจำเป็นต้องพากันอพยพออกมา เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายและหลังจากนั้นก็ไม่สามารถกลับเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินเดิมของตนเองได้ เพราะเต็มไปด้วยวัตถุระเบิด ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2532 ทางกองทัพบกได้ขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อจัดตั้งหมู่บ้าน ปชด. และสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 เป็นระยะเวลา 30 ปี อีกทั้ง หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 1 ได้ประกาศรับรองพื้นที่ปลอดภัย เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 เราจึงได้เข้าสำรวจและทำกินได้ในพื้นที่บางส่วนที่มีข้อจำกัดและมีอุปสรรคมาก ดังนั้น พวกเราจึงได้ดำเนินการทำหนังสือพร้อมแจ้งความเดือดร้อนไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จนครบถ้วนแล้ว และได้รับการอนุญาตจากกรมป่าไม้และที่ดินให้สามารถเข้าดำเนินการได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว ได้นำเครื่องจักรกล รถไถ มีดพร้า เครื่องมือตัดหญ้า สำหรับตัดถางหญ้าและต้นไม้ เข้าถากถางป่าและไถพลิกหน้าดิน โดยมีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านหรือ ชรบ.ประมาณ 5-10 นาย เข้าคุ้มกัน จนกระทั่ง ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 เข้ามาขัดขวาง รวมทั้งมีชาวบ้านกลุ่มอื่น ๆ ที่อ้างสิทธิ์ว่าตนเองเป็นเจ้าของที่ดิน ได้เข้ามาถกเถียงกันระยะหนึ่ง แต่พบว่า ไม่ได้อยู่ในกลุ่มชาวบ้าน 5 ราย จำนวนกว่า 500 ไร่ ที่ยื่นเรื่องขอพิสูจน์สิทธิเฉพาะรายตามกฎหมาย จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก เข้ามาไกล่เกลี่ยแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากชาวบ้านที่มีเอกสารอนุญาตจากกรมป่าไม้และที่ดิน ยืนยันจะเข้าทำประโยชน์ พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ที่มาอ้างสิทธิ์ไปแจ้งความ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เมื่อมีคำสั่งศาลแล้วจึงเข้ามาดำเนินการได้ ขณะที่ ผบ.ฉก.ตาพระยา และ ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 และรอง ผบ.ชค.ทพ.12 ได้เข้ามาเจรจากับชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวด้วย เพื่อขอให้หยุดดำเนินการชั่วคราว ซึ่งทางนายชนาธิป โคกมณี นายอำเภออรัญประเทศ ได้เตรียมเรียกผู้ที่มีเอกสารสิทธิ์ นส.2 ทุกราย เข้าพูดคุยในวันที่ 10 ม.ค.นี้ ซึ่งชาวบ้านยังคงยืนยันที่จะดำเนินการเปิดพื้นที่ต่อไป เพื่อนำเจ้าหน้าที่ที่ดินเข้าจัดทำผังข้อพิพาทให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 21 ม.ค.65 และนำเข้าสู่ศาลในช่วงวันที่ 21 ก.พ.นี้

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเข้าดำเนินการดังกล่าว กลุ่มหญิงสูงอายุซึ่งเป็นทายาทของเจ้าของที่ดินเดิม ที่มีเอกสารสิทธิ์ในอดีต ได้ทำการจุดธูป บอกกล่าวเจ้าที่และบรรพบุรุษ ก่อนเข้าดำเนินการ และเล่าให้ฟังว่า “ออกมาจากพื้นที่บ้านน้อยป่าไร่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2518 รวม 40 กว่าปี ซึ่งที่ดินตรงนี้เป็นของพ่อของแม่ทำไว้ให้ สาเหตุที่เข้ามาทำกินไม่ได้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งที่มีเอกสารสิทธิ์ นส.2 สาเหตุที่ออกจากพื้นที่ตอนนั้นเพราะสงคราม มีคนตาย ตอนนี้ไม่มีสงครามแล้ว ก็จะเข้าทำกิน เพราะกรมที่ดินให้เข้าได้ ศาลก็ให้เข้า ป่าไม้ก็ให้เราเข้าได้ อยู่แต่ทหารนี่ล่ะที่มันไม่ให้เราเข้า ตอนนี้ชาวบ้านไม่ยอมแล้ว จะเข้าไปทำกินกัน ตอนนี้จะปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัยเราก็ต้องเข้า เพราะเขมรมันจะมาเอาของเราหมด ตอนนี้มันล้ำมาเยอะแล้ว เพราะจากการเข้าไปดูตรงบ้านเดิมเรา ถูกเขมรล้ำเข้ามาแล้ว ถ้าเราไม่ไปเอา เขมรเอาหมดแน่ ทหารควรจะให้เจ้าของที่ดินเดิมเข้าไปทำกินตามสิทธิ์ ไม่ใช่กีดกันเฉพาะชาวบ้าน แล้วอนุญาตให้นายทุนอื่นเข้ามายื่นออกเอกสารสิทธิ์”

สำหรับข้อเรียกร้องเบื้องต้นของชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว ต้องการให้ทางกองกำลังบูรพา อำนวยความสะดวกให้กับราษฎรเข้าทำประโยชน์และเตรียมพื้นที่ ก่อนทำผังแผนที่พิพาทตามคำสั่งศาล และให้ทางกองกำลังบูรพา มารับฟังปัญหา เพื่อแก้ไขปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างประชาชนกับทหาร เพราะกองทัพกำลังถูกมองว่า ไม่จริงจังในการรักษาอธิปไตย ,ควรยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ เพราะไม่มีภาวะสงความแล้ว รวมทั้งให้ทางกองกำลังบูรพา แจ้งให้ผู้ที่จะร้องเรียนเรื่องที่ดินในบริเวณนี้ ไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านให้ดำเนินการให้ เนื่องจากกองกำลังบูรพาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว ชาวบ้านมองว่า กลายเป็นพื้นที่ให้การสนับสนุนทำธุรกิจชายแดนผิดกฎหมาย เก็บค่าต๋งกินรวบ จนลูกน้องบางคนอึดอัด ผู้บังคับบัญชาบางคนทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย อาศัยพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึกเป็นช่องทางทำประโยชน์ โดยวางลูกน้องที่ได้ภรรยาน้อยเป็นชาวกัมพูชา ดำเนินการธุรกิจชายแดน อาทิ การลักลอบนำคนเข้า-ออก ,รถเถื่อน และการลักลอบนำของหนีภาษี โดยอ้างเบื้องสูง ซึ่งชาวบ้านระบุว่า มีการวางจุดออกของที่มีของเถื่อนวิ่งเข้าโรงงานคนจีน พื้นที่ป่าไร่หลายจุด อาทิ จุดตรวจดอกต้นคูน ถนนศรีเพ็ญ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวทางที่ชาวบ้านกลุ่มนี้ ดำเนินการตามกระบวนการมานานกว่า 3 ปี เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในที่ดิน นส.2 ซึ่งเป็นที่ดินมรดกของบรรพบุรุษที่เหลืออยู่ พื้นที่”บ้านน้อยป่าไร่”เดิม และเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วตามลำดับดังนี้
1.ได้คัดค้านการรังวัด เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2563 พร้อมเข้าพบท่าน พ.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ขณะนี้ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.กองกำลังบูรพา ทำการแทน ผบ.กองกำลังบูรพา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 และชี้แจงบุคคลอื่นนำเอกสารมารังวัดในที่ดินของชาวบ้านจุดดังกล่าว และมีบุคคลอื่นไปเกี่ยวข้องจำนวนมาก
2. นำเอกสารยื่นคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนฯ ท่านอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2563
3. เข้าพบ นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ส.ส.เขต3 สระแก้ว เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 เพื่อนำเสนอปัญหาในสภาผู้แทนราษฎร
4. เข้าพบ พล.ท.ธรรมนูญ วิถี ขณะดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 นำเรียนปัญหา
5. นำเอกสารยื่นกองกำลังบูรพา เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2564 โดยมี ร.ท.ศิริชัย เลี้ยวกลาง เป็นผู้ลงรับเอกสาร
6. เข้าไปติดตามเอกสารกับ พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รักษาการ ผบ.กองกำลังบูรพา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 เพื่อตามเรื่อง 13 มกราคม 2564 และ พ.อ.เสกสรรค์ ได้ให้แนวทางบางส่วน ในวันที่ 5 มิถุนายน 2564
7. คณะป่าไม้ภาค 9 จ.ปราจีนบุรี ได้ลงมาตรวจสอบและให้เข้าทำประโยชน์ได้ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564
8. ที่ดินมีหนังสือแจ้งให้เข้าทำประโยชน์ตามสิทธิได้ มิเช่นนั้นจะเสียสิทธิในวันที่ 25 ตุลาคม 2564
9. ศาลจังหวัดสระแก้วมีคำสั่งให้จัดทำแผนพิพาท (ที่ ศย.302.015/18205) ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564
10. ยื่นหนังสือขอเข้าสำรวจพื้นที่ก่อนทำแผนที่พิพาทต่อกองกำลังบูรพา ลงวันที่ 30 พ.ย.64 พ.ท. ขจรกิตติ์ จรูญชาติ หน.ฝกร.กกล.บูรพา เป็นผู้ลงรับ
11. นำเรื่องเข้าสภาเทศบาลตำบลป่าไร่ ตามหนังสือผู้อำนวยการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม แจ้งไว้ว่าต้องผ่านสภา กรณีขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564
12. ยื่นหนังสือแจ้ง หัวหน้าชุด ชป.กร.103 กกล.บูรพา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2564 ตามบันทึกการตรวจสอบจากคณะป่าไม้ภาค 9 สาขาปราจีนบุรี

—————————

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"