ป้าผ่องศรี ปฏิเสธข่าวจ่าย 3 หมื่นบาท

ปราจีนบุรี – ป้าผ่องศรี เก็บถุงใส่เงินได้ปฏิเสธข่าวจ่าย 3 หมื่นบาท

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ป้าผ่องศรี จำเลยที่ตกเป็นข่าวเก็บถุงเงินแล้วไม่ยอมส่งคืนเจ้าของ จนมีเรื่องการอมเงิน 4 หมื่นบาท ออกมาตำหนิ สื่อบางสำนักเสนอข่าวว่า ยินยอมชดใช้เงินจำนวน 3 หมื่นบาท ตามที่ นายพยม ยื่นข้อเสนอ โดยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เพื่อพบกับ นางผ่องศรี จันทร์สืบ แม่บ้านโรงแรมดังย่านนิคมอุตสาหกรรม 304 ที่ตกเป็นข่าวเก็บถุงใส่เงินแล้วไม่แจ้งตำรวจ แถมส่งของคืนไม่ครบ ขาดเงิน 4 หมื่นบาท และเช้าวันนี้มีการเสนอข่าวจากสำนักข่าวแห่งหนึ่ง เสนอข่าวว่า ป้าผ่องศรี นำเงินจำนวน 3 หมื่นบาท ไปคืนให้ นายพยม พนมบวน ตามข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว โดยที่ ป้าผ่องศรี ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่เป็นความจริง

ป้าผ่องศรี กล่าวว่า ตนยังไม่ได้คืนเงินให้ใคร ทั้งที่เมื่อวานมีผู้สื่อข่าวคนหนึ่งพยายามมาเกลี้ยกล่อมให้ตนรีบหาผู้ใหญ่มาเจรจา เพื่อรอมชอมด้วยการคืนเงินจำนวน 3 หมื่นบาท ตามที่นายพยม ยื่นข้อเสนอเรื่องจะได้จบ พร้อมทั้งยังพูดจาลักษณะข่มขู่ พร้อมทั้งยังตำหนิหาว่า ไปเชื่อนักข่าวบางคนที่ทำให้เรื่องบานปลาย เพราะถึงยังไงก็มีความผิด ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนขอยืนยันว่า ไม่มีการคืนเงินตามที่เป็นข่าว เพราะหากตนคืนเงินนั่นหมายความว่า ตนเป็นผู้เอาเงินจำนวน 4 หมื่นบาทของนายพยมไปจริง ทั้งที่ ในถุงมีเงินเพียง 200 บาท กับโทรศัพท์และบัตร ATM ตนไม่คิดว่า สื่อมวลชนที่ดูเหมือนจะช่วยให้ความจริงปรากฏ แต่กลับทำให้ความจริงถูกปิดตาย พร้อมกันนั้น ป้าผ่องศรียังขอร้องให้ทางตำรวจ ขอให้เห็นใจประชาชน จะผิดหรือถูกควรใช้วาจาที่เป็นมิตร ไม่ควรทำให้ผู้ที่ขึ้นโรงพักเกิดความหวาดกลัวและขาดความมั่นใจ และเกิดความหวาดกลัว

อย่างไรก็ตาม ป้าผ่องศรี ยังกล่าวอีกว่า แต่มาถึงจุดนี้แล้ว ตนขอสู้เพื่อความถูกต้อง ความจริงต้องเป็นความจริง ทำไมตำรวจถึงไม่ตรวจสอบเรื่องเงินของนายพยม ว่ามีจริงหรือไม่ หรือแค่เป็นข้ออ้างถ้าอย่างนั้นใครก็ขึ้นโรงพักแจ้งเอาผิดคนทั่วไปได้ พร้อมกับเปิดเผยการพูดคุยของพยานคนหนึ่ง ที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนของแฟน นายพยม ที่ยืนยันว่า สงสารป้า พร้อมเป็นพยานให้ทุกขั้นตอนเพราะไม่เชื่อว่า นายพยม จะทำหล่นหาย 4 หมื่น ทั้งที่วันเกิดเหตุนายพยมนั่งดื่มเหล้า ยังพูดว่า ยิ่งไม่มีตัง แต่ตังก็มาหายซะอีก โดยไม่ไม่ได้พูดถึงเงินจำนวน 4 หมื่นบาท จนกระทั่งอีกวัน ถึงมีการพูดถึงเงินหาย 4 หมื่นบาท

————————-
ข่าว-ภาพโดย/ลักขณา สีนายกอง