อ้างลูกทหารรุมตึ๊บสาวปางตาย กร่างคับโรงพักแถมเยาะเย้ย ร้อยเวรแค่ทำตาปริบๆ

นครพนม – วันที่ 18 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.บุ๋ม(นามสมมุติ) อายุ 30 ปี เป็นแม่ค้าขายอาหาร ริมถนนบำรุงเมือง เยื้องกับธนาคารกรุงเทพ สาขานครพนม เขตเทศบาลเมืองนครพนม ว่าถูกรุมทำร้ายหน้าผับแห่งหนึ่ง หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความแล้วแต่คดีล่าช้ามาก จึงต้องการร้องเรียนผ่านสื่อ

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ น.ส.บุ๋ม ที่หมู่บ้านเอื้ออาทร ซึ่งเป็นบ้านพักของญาติ พร้อมลำดับเหตุการณ์ว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เม.ย.62 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยตนพร้อมกับเพื่อนเป็นชายหนึ่งหญิงสองรวม 3 คน ได้เข้าไปเที่ยวในผับชื่อดังแห่งหนึ่ง ถนนเฟื่องนคร ย่าน บขส.นครพนม โดยได้โต๊ะอยู่ใกล้หน้าห้องน้ำ

ขณะที่ตนและเพื่อนยืนเต้นที่โต๊ะอยู่นั้น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดดำเดินมาเข้าห้องน้ำ ต่างคนต่างมองตากัน ตนก็ไม่คิดอะไร ยังคงโยกเต้นที่โต๊ะอย่างสนุกสนาน ระหว่างเต้นหญิงชุดดำก็เดินมาตีแขน ตนจึงถามว่า”มึงเป็นใคร” หญิงชุดดำตอบ”มึงมีปัญหาอะไรกับกู”  แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่างก็เดินแยกย้ายไปนั่งโต๊ะของตนเอง

ต่อมาหญิงชุดดำเดินมาพร้อมกับเพื่อนที่เป็นผู้ชาย 1 คน และกะเทยอีก 1 คน ปรี่เข้ามาจะทำร้ายตน ตนจึงใช้มือผลักออก หญิงดังกล่าวจึงใช้เท้าถีบตนจนหงายหลัง จังหวะนั้นการ์ดประจำผับก็รีบเข้ามาลากกลุ่มผู้ก่อเหตุออกจากผับไป ตนก็ยังคงเต้นต่อโดยไม่คิดอะไร เพราะคิดว่าต่างคนก็เมากันทั้งคู่

แต่หลังจากผับเลิกตนและเพื่อนเดินออกมา เจอกลุ่มคู่กรณีกว่า 10 คน ยืนรออยู่หน้าผับ โดยมีกะเทยทราบภายหลังว่าชื่อ”พีช” เดินมาล็อคคอตนลากไปอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อให้หญิงชุดดำทำร้ายตนโดยถูกเพื่อนของหญิงชุดดำล็อคแขนไว้ให้เพื่อนเลือกตีตามใจชอบ เท่าที่จำได้ถูกหญิงชุดดำจับหน้าตนโขกกับพื้นจนสลบเหมือด แล้วพวกนั้นก็ทิ้งร่างของตนนอนกองที่พื้น โดยไม่ยี่หระต่อสายตานักเที่ยวที่ยืนดู เพื่อนจึงนำตนส่งโรงพยาบาลนครพนม มารู้สึกตัวก็รุ่งเช้าของอีกวัน ซึ่งตามร่างกายมีบาดแผลที่หน้าผาก เบ้าตา หน้าปูดบวม ตามตัวมีรอยฟกช้ำดำเขียว

ตนจึงให้น้องที่รู้จักกันไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม และหลังออกจากโรงพยาบาล วันที่ 23 เม.ย.62 ก็ไปให้ปากคำกับร้อยเวรเจ้าของคดี แรกๆ เหมือนร้อยเวรจะมีความกระตือรือร้น รับปากว่าต้องให้สายสืบไปหารายละเอียดก่อนว่าคู่กรณีของตนเป็นใคร แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ตนจึงต้องไปหาหลักฐานด้วยตนเอง จนได้ภาพวงจรปิดและชื่อของคู่กรณีว่าชื่อ น.ส.เมย์ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีบ้านพักอยู่ใกล้ๆกับร้านขายก๋วยเตี๋ยวริมถนนธำรงประสิทธิ์ เขตเทศบาลเมืองนครพนม ตนรีบนำมาให้ร้อยเวรทันที

แต่ดูเหมือนว่าคดีเริ่มอืด โทรศัพท์ถามความคืบหน้ากับร้อยเวร ก็อ้างว่าติดต่อคู่กรณีแล้ว 5-6 รอบ แต่เขาผลัดวันไปเรื่อยๆ เตรียมจะออกหมายเรียกให้มาเจรจากัน ปรากฏว่าร้อยเวรเรียกคู่กรณีมาเจอกับตนจริง แต่ยกพวกมาเกือบ 20 คน โดยมีคนหนึ่งอ้างเป็นนายทหารยศ พ.ท. อ้างเป็นพ่อของ น.ส.เมย์คู่กรณี อีกคนสมทบอ้างว่าเป็นน้าของ น.ส.เมย์ แถมอ้างอีกว่าเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.)

แต่การเจรจาเหมือนเอาตนมารุมด่า เพราะกลุ่มคู่กรณีล้วนใช้คำหยาบคาย กล่าวหาว่าตนเป็นคนผิดต้องการหาเงิน จึงหาเรื่องให้ น.ส.เมย์ ทำร้ายเพื่อเรียกเงิน ให้ได้แค่ 2,000 บาทเท่านั้น ถ้าอยากได้ 4-5 หมื่น ก็ไปฟ้องร้องศาลเอา พร้อมหัวเราะเยาะตนอย่างครื้นเครง โดยที่ร้อยเวรได้แต่นั่งดูตนถูกฝ่ายตรงข้ามด่า โดยไม่ห้ามปรามอะไร ตนจึงบอกให้ร้อยเวรดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนจะเดินออกจากโรงพักกลับบ้าน รุ่งขึ้นอีกวันร้อยเวรโทรมาว่า คู่กรณีต้องการจ่ายให้ 10,000 บาท ตนก็ตอบกลับว่าไม่ขอรับเงินดังกล่าว