X

ศาลฎีกายกคำร้อง คดีประวัติศาตร์ ปิดฉากครูแพะ!!

วันที่ 17 พ.ย.60 เวลา 13.30 น. ศาลจังหวัดนครพนม ได้ออกนั่งบัลลังก์ 1 โดยมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้กับผู้ร้องและผู้คัดค้าน เริ่มจากมูลเหตุในคดีช่วงการขับรถชนคนตายโดยประมาท นำไปสู่การติดคุกแล้ว ก็นำมาสู่การรื้อฟื้นคดี โดยสรุป สาเหตุที่ ศาลฎีกาได้ยกคำร้องการรื้อฟื้นคดีของครูจอมทรัพย์ในครั้งนี้มีอยู่ 2 ประเด็นที่น่าสนใจก็คือประเด็นแรกศาลฎีกาบอกว่าพยานหลักฐานที่ครูจอมทรัพย์ได้นำสืบในช่วงวันที่ 8 ถึง 10 กุมภาพันธ์ 2560 ในช่วงของการรื้อฟื้นคดีทั้งพยานที่ได้จากการตรวจสอบรถยนต์ทะเบียนบค 56 สกลนครและพยานหลักฐานพยานบุคคลที่นำสืบในช่วง 3 วันที่ผ่านมาเป็นพยานหลักฐานเดิมแม้ว่าก่อนหน้านี้ทางฝ่ายผู้ร้องขอยื่นรื้อฟื้นคดีนั้นจะมีการอ้างนายสับวาปีซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับรื้อฟื้นคดีในครั้งนี้แต่ว่าหลังจากที่ศาลได้มีการ ให้รื้อฟื้นคดีแล้วในวันสืบพยานฝ่ายผู้ร้องก็คือฝ่ายครูจอมทรัพย์นั้นกลับไม่ได้นำตัวนายสับวาปีขึ้นเบิกความในชั้นศาลแม้ว่านายสับวาปีเองจะเดินทางมาศาลในวันดังกล่าวก็จริงแต่ไม่ได้นำขึ้นเบิกความ ทั้งๆที่นายสัป เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ศาลรับคำร้องเพื่อรื้อฟื้นคดีขณะที่พยานบุคคลอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์โดยเฉพาะนางทัศนีย์หาญพยัคฆ์ ในชั้นสอบสวนและ ในชั้นของการพิจารณาคดีของศาลครั้ง 3 ครั้ง ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำให้การของพยานก็คือนางทัศนีย์ มีลักษณะที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะว่ามีการให้การวกไปวนมาและไม่เหมือนเดิมทั้ง 3 ครั้ง ในขณะที่พยานคนอื่นอย่างเช่น นางทองเรศ ซึ่งนางทัศนีย์อ้างว่าเป็นผู้ที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาในวันที่เกิดเหตุก็ไม่ได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนตั้งแต่ครั้งแรกในวันที่เกิดเหตุ แต่มาปรากฏตัวในภายหลัง ทำให้ไม่มีความน่าเชื่อถือที่จะสามารถสนับสนุนให้เห็นได้ว่าสิ่งที่พยานได้เบิกความในชั้นให้การนั้น เป็นความจริง ฉะนั้นคำให้การของพยานสองปากนี้ จึงไม่น่าเชื่อถือและไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ศาลยังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีของ นายสับ วาปีรวมทั้งรถยนต์ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร กับที่นายสับ วาปี อ้างว่าได้ขับรถไปชนในวันเกิดเหตุไม่ใช่รถของครูจอมทรัพย์ ซึ่งศาลก็เห็นว่าในการให้ปากคำของนายสับวาปี ที่เข้าให้ปากคำกับตำรวจและสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ โดยในสำนวน นายสัป อ้างว่าได้ขับรถเพื่อที่จะออกไปหาซื้อไม้ยูคาเพื่อนำมาขายแต่ว่าช่วงเกิดเหตุนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ซึ่งผิดปกติวิสัยของผู้ที่จะรับซื้อไม้แต่ก็บอกว่าได้มาขับรถชนคนตายในวันที่เกิดเหตุ ทำให้ศาลที่ตั้งข้อสังเกตในคำให้การของนายสับวาปีนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือและในวันพิจารณา ในช่วงวันที่ 8 ถึง 10 กุมภาพันธ์ ที่มีการสืบพยานนายสัป ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะเป็นคนให้รายละเอียดในเรื่องของการรับสารภาพครั้งนี้กลับไม่เข้ามาเบิกความในชั้นศาลซึ่งทำให้ศาลมองว่านี่อาจจะเป็นการหลีกเลี่ยงการซักค้านจากฝ่ายของผู้คัดค้าน นั่นก็คือฝ่ายอัยการจึงทำให้คำร้องขอรื้อฟื้นคดีของครูจอมทรัพย์นั้น ถูกยกคำร้องไปในที่สุดนั่นก็หมายความว่าทั้งพยานหลักฐานที่ได้จากการตรวจพิสูจน์รถยนต์ บค 56 สกลนคร ที่มีการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญจากหลายด้านทั้งการตรวจแผ่นป้ายทะเบียนการตรวจร่องรอยการเฉี่ยวชนรวมทั้งการตรวจสีรถนั้นเป็นพยานหลักฐานเดิมที่เคยนำสืบมาแล้วทั้ง 3 ศาลและพยานบุคคลที่นำสืบในชั้นศาลนั้นก็ไม่มีความน่าเชื่อถือและที่สำคัญก็คือคำให้การของนายสัป วาปี ที่เข้าไปรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหน้านี้ว่าเป็นคนขับรถชน ไม่น่าเชื่อถือ ศาลฏีกาจึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องของครูจอมทรัพย์ในที่สุด ใช้เวลาอ่านคำพิจารณาประมาณ 2 ชั่วโมง

หลังสิ้นการพิจารณานางจอมทรัพย์เดินลงจากศาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ให้สัมภาษณ์แก่ทัพสื่อมวลชนที่รอทำข่าวจำนวนมาก โดยให้เชื่อในตัวครูจอมทรัพย์ แต่น้อมรับคำตัดสินทุกอย่าง ต่อไปนี้จะต้องอยู่ให้ได้ และยังคงเดินเรื่องขอกลับเข้ารับราชการครูต่อไป โดยให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินขึ้นรถออกจากบริเวณศาล

ทางด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่าหลังทราบคำตัดสินได้โทรศัพท์แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบเป็นเบื้องต้นแล้ว ส่วนจะมีการดำเนินการอย่างไร ต้องรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง ขณะที่ พ.ต.อ.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู ในฐานะหัวหน้าชุดทำงานในการคลี่คลายคดี กล่าวว่าด้านคดีจะรอประชุมกับผู้บังคับบัญชาก่อน ว่าจะดำเนินคดีกับผู้ให้การเท็จจำนวนกี่คน ซึ่ง เท่าที่จำได้มีไม่ต่ำกว่า 9 คน

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน