แจง 2 ประเด็นเชื่อมโยงตากใบ

นราธิวาส-รอง ผอ.รมน.ภ.4 สน.ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุสถานีตำรวจน้ำตากใบ แจงเชื่อมโยงภัยแทรกซ้อน

จากกรณีเกิดเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายได้สร้างสถานการณ์ขว้างระเบิดและใช้อาวุธปืนซุ่มยิงใส่สถานีตำรวจน้ำตากใบ ซึ่งตั้งอยู่ถนนราษฎาภิเษก 2 บ.ตาบา ม.1 ต.เจ๊ะเห ในเขตเทศบาลเมืองตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เหตุเกิดช่วงคืนที่ผ่านมาของวานนี้ (25 พ.ค.65) ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ อส.อ.ตากใบ ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 นาย รวมทั้งได้วางระเบิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7/eleven ริมถนน 4084 พื้นที่ บ.ตาบา ม.1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ เบื้องต้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยทั้ง 2 จุด ห่างจากกันประมาณ 1.3 กิโลเมตร

หลังเกิดเหตุในเวลา 15.00 น.ของวันนี้ (26 พ.ค.65) พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบและสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยมี พลตำรวจตรี แวสาแม สาและ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุเช่นกัน

โดย พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ภายหลังจากที่เรามีกระบวนการพูดคุยในช่วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา ซึ่งตลอดตั้งแต่ช่วงรอมฎอนและภายหลังเดือนรอมฎอนพบว่าแทบจะไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งจากการตรวจสอบในห้วงดังกล่าวพบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้น 10 กว่าครั้งเป็นคดีความมั่นคงแค่ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในพื้นที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีและในส่วนที่เหลือก็เป็นเหตุการณ์ส่วนตัว นอกจากนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้พยายามที่จะสื่อสารในการสร้างบรรยากาศโดยการหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่

อย่างไรก็ตามจากกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ สร้างความตื่นตระหนกให้สังคมเป็นอย่างมาก ซึ่งคนร้ายใช้กำลังประมาณ 2 ชุดปฏิบัติการเข้าโจมตีสถานีตำรวจน้ำและชุดปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ของกองร้อยป้องกันชายแดนและยังมีการสร้างสถานการณ์ก่อกวนในหลายพื้นที่ มีการวางระเบิดเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหายจำนวน 6 ต้น และยังมีการโปรยตะปูเรือใบ เพื่อสกัดกั้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งผลจากการปฏิบัติเมื่อวานนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 นายซึ่งในขณะนี้ก็อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เบื้องต้นอาการปลอดภัยแล้ว ในส่วนของทรัพย์สินของทางราชการและของพี่น้องประชาชนและระบบสาธารณูปโภคได้รับความเสียหาย

ซึ่งภายหลังจากทราบเหตุ ด้าน พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสร่วมกับกองกำลังตำรวจจังหวัดนราธิวาสในการเข้าไปควบคุมและบริหารจัดการที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะการเน้นย้ำในการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยความระมัดระวัง ซึ่งเมื่อเช้านี้ก็ใช้ชุด EOD ที่มีความเชี่ยวชาญในการเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุและสามารถที่จะประมวลเหตุการณ์และรูปแบบของการก่อเหตุได้ และจากลักษณะของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นรูปแบบเช่นเดียวกับกองกำลังของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคนก่อเหตุในรูปแบบดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นคำถามของสังคมว่าเกิดจากอะไร คงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบในเรื่องของการวิเคราะห์ปัจจัยที่เป็นสาเหตุซึ่งเรามองไว้ 2 ประเด็น

ประเด็นที่ 1 เป็นปัจจัยที่เกิดจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขอาจเกิดจากกลุ่มที่ตกกระบวนการพูดคุย
ประเด็นที่ 2 เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักในเรื่องของการตอบโต้ผลจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปจัดการกับภัยแทรกซ้อนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมาผลจากการพูดคุยในเรื่องความรุนแรงอาจเป็นช่องทางที่ทำให้กลุ่มพ่อค้ายาเสพติด และของสิ่งผิดกฎหมายในการทำผิดมากขึ้น เพราะฉะนั้น พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ย้ำว่าอำนาจการบังคับใช้กฎหมายเป็นสิ่งที่รัฐเองก็ไม่สามารถที่จะละเว้นได้ ซึ่งตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา เรามีการเปิดแผนในการเข้ากวาดล้างธุรกิจผิดกฎหมายหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอตากใบ ได้ตรวจสินค้าหนีภาษี ไม่ว่าจะเป็นสุรา บุหรี่หรือแม้กระทั่งน้ำมันหนีภาษี และล่าสุดได้มีการตรวจค้นพร้อมกัน 29 จุดในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเฉพาะในส่วนของอำเภอตากใบ เราสามารถตรวจค้นจำนวน 7 จุด และการจับกุมแรงงานต่างด้าว 387 คน และผู้นำพาอีก 10 คน ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้กลุ่มที่เสียผลประโยชน์ใช้โอกาสในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผลประโยชน์ในเรื่องของธุรกิจผิดกฎหมายค่อนข้างเยอะ ซึ่งหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการกวาดล้างก็มักจะมีการตอบโต้เป็นประจำ

อย่างไรก็ตามขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการรวบรวมวัตถุพยาน รวมทั้งการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดควบคู่ไปกับการตรวจสอบข้อมูลด้านการข่าวเชิงลึก เพื่อที่จะคลี่คลายและสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่าเกิดจากอะไร ซึ่งจะนำเรียนให้ประชาชนได้ทราบต่อไป