นราธิวาส-มทภ.4 สั่งคุมเข้ม 3 จชต.+4 อำเภอสงขลา ไม่ประมาทครบรอบ 18 ปีปล้นปืนปิเหล็ง
สืบเนื่องจากในวันนี้ (4 ม.ค.65) เป็นวันเชิงสัญลักษณ์ จากจุดเริ่มต้นของความรุนแรงในพื้นที่ปลายด้ามขวานไทย ในวันที่ 4 ม.ค.47 เป็นต้นมา ที่กลุ่มคนร้ายบุกเข้าปล้นอาวุธปืน ที่ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ “ค่ายปิเหล็ง” ซึ่งตั้งอยู่บ้านปิเหล็งใต้ ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดยเหตุการณ์ดังกล่าว กลุ่มคนร้ายประมาณ 140 – 150 คน จัดกำลังปิดล้อมเข้าโจมตีพร้อมเข้าปล้นอาวุธปืนรวม 373 กระบอก ส่งผลทำให้มีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น จำนวน 4 นายจวบจนกระทั่งถึงวันนี้ ครบรอบ 18 ปีเหตุการณ์ความรุนแรง หรือ “ไฟใต้” ในพื้นที่ 3 จังหวัดคือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และ 4 อำเภอของสงขลา
ขณะที่ปรากฏข่าวสารว่า สมาชิก ผกร.ระดับแกนนำฝ่ายการทหารในประเทศเพื่อนบ้านสั่งการให้สมาชิกกลุ่ม ผกร.เตรียมก่อเหตุในพื้นที่ จชต. สอดคล้องกับภาพข่าวของสมาชิกกลุ่ม ผกร.ระดับปฏิบัติการ และฝ่ายระเบิด เข้ามาเคลื่อนไหวบริเวณหมู่บ้าน Support Site และป่าเชิงเขา มีความถี่และต่อเนื่องในพื้นที่เขตรอยต่อ อ.ศรีสาคร, อ.รือเสาะ และ อ.ระแงะ บริเวณเทือกเขาเมาะแต และในพื้นที่เขตรอยต่อ อ.ระแงะ กับ อ.จะแนะ และเขตรอยต่อ อ.สุคิริน กับ อ.สุไหงปาดี บริเวณเทือกเขาตะเว สอดคล้องกับช่าวกรองเชิงลึกตรวจพบฝ่าย Logistik คาดว่ามีการขนย้ายอาวุธเข้ามาดักคอยในพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะบริเวณเส้นทางชายขอบเขา และเส้นทางหลักที่ จนท.ใช้ปฏิบัติงานเป็นประจำ ตลอดจนการเคลื่อนไหวในลักษณะรวมกำลังในพื้นที่ อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย จว.สงขลา มีความเป็นไปได้ว่า กลุ่ม ผกร. เตรียมก่อเหตุเข้าตี ยิงรบกวน ต่อฐานปฏิบัติการ หรือซุ่มโจมตี/ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง โดยเป้าหมายหลักเป็น ชุด รปภ./ชป.กร.ที่ใช้เส้นทางในการปฏิบัติงาน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากห้วงครบรอบเหตุการณ์ปล้นปืน กองพันพัฒนาที่ 4 ในวันที่ 4 ม.ค. 47
ทางด้าน พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.รมน.ภาค 4 ได้เน้นย้ำไปยังกองกำลังในพื้นที่ทั้ง 4 จชต.เพิ่มมาตรการ รปภ.เส้นทางเข้า-ออกบริเวณจุดตรวจ/ฐานปฏิบัติการ และการเฝ้าตรวจจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด โดยให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างเข้มข้นตลอด 24 ชม.อีกทั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท เพิ่มความระมัดระวังในทุกภารกิจ ใช้หลักยุทธวิธีในการปฏิบัติ และพิจารณาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังที่ตั้งเป็นพิเศษ ให้มีความพร้อมทั้งตัวบุคคลและอาวุธยุทโธปกรณ์ หากเกิดเหตุการณ์ กำลังพลทุกนายสามารถตอบโต้ได้อย่างทันท่วงที ที่สำคัญให้สังเกตบุคคล ยานพาหนะ วัตถุต้องสงสัยรอบที่ตั้ง สิ่งบอกเหตุหรือสิ่งผิดปกติ รวมถึงข้อมูลการข่าวบุคคลในพื้นที่ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
