X

ผบ.ฉก.นราธิวาสตรวจความพร้อมลาดตระเวนทางน้ำ เตรียมรับ เสนาธิการกองทัพบก

นราธิวาส-ผบ.ฉก.นราธิวาสตรวจความพร้อมลาดตระเวนทางน้ำ เตรียมรับ เสนาธิการกองทัพบก ติดตามความคืบหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย


เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เวลา 14.00 น.ที่ ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และคณะ เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมเตรียมให้การต้อนรับ พลเอกสันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก/เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและคณะ
ที่จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย แผนการสกัดกั้นตามแนวชายแดนของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส รวมถึงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ําสุไหงโก-ลก และการก่อสร้างรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนตรวจแนวชายแดนทางน้ำ ตรวจพื้นที่ที่จะก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ําสุไหงโก-ลก และพื้นที่ก่อสร้างรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์

ต่อจากนั้น พลตรีเฉลิมพร ขำเขียว ได้เดินทางต่อไปยังด่านศุลกากรตากใบ อำเภอตากใบ โดยได้ลงเรือลาดตระเวนทางน้ำร่วมกับตำรวจน้ำตากใบ ตรวจพื้นที่ในการดำเนินการก่อสร้างรั้วอิเล็กทรอนิกส์ตามแนวชายแดน ระยะทาง 6 กิโลเมตร พร้อมทั้งตรวจพื้นที่การก่อสร้างฐานปฏิบัติการถาวร พร้อมกันนี้ยังกำชับให้เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัยตามลำน้ำตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ตรวจสอบช่องทางข้ามธรรมชาติที่กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทย ด้านจังหวัดนราธิวาส กับรัฐกลันตันของประเทศมาเลเซีย

อีกทั้งได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่เพิ่มมาตรการคุมเข้มตลอดแนวชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก ย้ำการ์ดห้ามตก ต้องตื่นตัวอยู่เสมอ ตลอดจนให้หน่วยบูรณาการในการปฎิบัติร่วมกันกับทุกภาคส่วน บังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 และเฝ้าระวังภัยแทรกซ้อนต่อความมั่นคงชายแดนในทุกมิติ รวมถึงการเสริมกำลังตามแนวชายแดน โดยเฉพาะช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน การจัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด และการจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฎิบัติงาน

โดยพลตรีเฉลิมพร ขำเขียว กล่าวว่า หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสมีความพร้อมในการให้การต้อนรับ พลเอกสันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก/ เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และคณะ สำหรับการดำเนินการโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพื้นที่ชายแดน ตามแผนงานโครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นเมื่อปี 2560 โดยพลตรีไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส มีเจตนารมณ์ต้องการให้ สร้างรั้วป้องกันชายแดนขึ้น จึงให้ชุดควบคุม ป้องกันชายแดนเสนอโครงการขึ้นมา เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบขนย้ายอาวุธ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว สิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้งการคัดกรองบุคคล ตลอดจนการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการ วิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาให้ผ่านจำนวน 2 รายการ ได้แก่ การก่อสร้างผนังเขื่อนป้องกันตลิ่งระยะทาง 7.528 กิโลเมตร และรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ระยะทาง 6 กิโลเมตร ซึ่งแบ่งจ่ายในปีงบประมาณปี 2565 -2567

ทั้งนี้หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสได้จัดกำลังพลลงพื้นที่ เพื่อพบปะ สร้างความเข้าใจถึงเหตุผลและความจำเป็น ในการก่อสร้างรั้วชายแดน และให้ลงนามในหนังสือยินยอม ให้ก่อสร้างรั้วชายแดนในที่ดินของตนซึ่งมีผู้ที่มีที่ดินติดแนวชายแดน จำนวน 293 ราย ได้ยินยอมให้สร้างรั้วชายแดนเพราะเข้าใจในสภาพปัญหาในพื้นที่ และรับทราบว่าในการสร้างรั้วชายแดน ได้เปิดช่องทางบริเวณจุดผ่อนปรนให้สามารถเดินทางเข้า-ออก ตามวิถีชีวิตของประชาชนตามแนวชายแดน และอีกประการหนึ่งที่ประชาชนที่มีที่ดินติดแนวชายแดนยินยอมให้สร้างรั้วชายแดนคือ การที่แนวชายแดน ด้านประเทศมาเลเซียได้สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งตลอดแนวชายแดนทำให้ตลิ่งฝั่งไทยถูกกัดเซาะมาอย่างยาวนาน

สำหรับในระยะยาว เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีเอกภาพ และมีประสิทธิภาพสูงสุด ให้พื้นที่ชายแดนมีความมั่นคงปลอดภัย สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบริเวณชายแดน อีกทั้งรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดเหตุรุนแรง ความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยอีกด้วย

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน