X

นราธิวาส-“ปางช้างสุไหงบาลา” ฮีลใจ! กับทัพช้างแสนรู้ “แลนด์มาร์ค”

นราธิวาส-“ปางช้างสุไหงบาลา” ฮีลใจ! กับทัพช้างแสนรู้ “แลนด์มาร์ค” แห่งใหม่บนเนื้อที่ 20 ไร่ ที่ไม่ควรพลาด ดึงดูดชาวไทยและมาเลย์แน่นเอี๊ยด!!

“ช้าง ๆ ๆ น้องเคยเห็นช้างรึเปล่า?” เป็นบทเพลงฮิตติดปากที่ผู้ใหญ่มักจะร้องหยอกเอินเด็กๆ เป็นประจำในอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งเด็ก ๆ มักจะกลัวช้างเพราะด้วยลำตัวและเท้าที่ใหญ่


และวันนี้ เราจะนำคุณผู้ชมลงใต้ ไปที่ “จังหวัดนราธิวาส” สุดปลายด้ามขวาน ไปดูความตื่นตาตื่นใจของคนในพื้นที่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียที่ทะลักเข้ามาไม่ขาดสาย หลังรู้ข่าวว่า มีสถานที่ที่ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนราธิวาส นั่นคือ…“ปางช้างสุไหงบาลา” บนเนื้อที่ 20 ไร่ ที่เพิ่งเปิดให้บริการได้เพียงกว่า 2 สัปดาห์เท่านั้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านได้มีโอกาสพาครอบครัวมา “ฮีลใจ” กันที่นี่


“ปักหมุด” ให้คุณไว้ที่ บ้านสุไหงบาลา หมู่ที่ 5 ตำบลมะนังตายอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส สำหรับคนต่างพื้นที่อาจจะไม่คุ้นเคยกับเส้นทางที่จะไป ง่ายๆเลย หากคุณมาจากตัวเมืองนราธิวาส ขับรถไปตามเส้นทางหลวงขาออกไปจังหวัดปัตตานี ประมาณกว่า 8 กิโลเมตร จะเห็นโรงเรียนบ้านปูตะอยู่ทางซ้ายมือ จะมีทางเข้าบ้านปูตะประมาณ 1.5 กิโลเมตร ขับข้ามสะพานซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างบ้านปูตะกับบ้านสุไหงบาลา ไม่กี่นาทีก็จะถึงจุดหมาย และอีกเส้นทางนึงคือ จากตัวเมืองนราธิวาส ขับตรงไปตามเส้นทางที่จะไปอำเภอระแงะ เมื่อถึง 4 แยกสัญญาณจราจร บ้านมะนังตายอ ให้เลี้ยวขวาตรงไปจะถึง 3 แยก ให้เลี้ยวขวาแล้วขับตรงมาเรื่อยๆ จะเจอ 3 แยกอีกครั้ง ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปอีกนิดนึง ก็จะถึงปางช้างละ เอาเป็นว่า! ใครไปไม่ถูก โทรสอบถามได้ที่เบอร์ 086-0738191 เปิดปางตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น.


“ทีมข่าว” ได้เจอกับเจ้าของปางช้าง คือ นางสาว วรรณนาลัย ตระกูลสรณคมน์ เลยได้ข้อมูลมาค่อนข้างเยอะพอสมควร ว่า “ปางช้างสุไหงบาลา” แห่งนี้ เปิดเป็นแห่งแรกในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ในไม่ช้า นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสไตล์ธรรมชาติ จะได้ขี่ช้างด้วยได้กินผลไม้ด้วย ในช่วงที่ผลไม้ออกผล ประมาณเดือนสิงหาคม-ตุลาคมของทุกปี จะมีทั้งทุเรียน ลองกอง เงาะ มังคุด ซึ่งทางปางช้างจะจัดโปรฯ “บุฟเฟ่ต์ผลไม้” กินกันใต้ต้นในสวนของปางช้าง ได้ฟิลไปอีกแบบทั้งช้างทั้งคน


โดยการนั่งช้างจะเวียนไปรอบ ๆ สวนผลไม้ คิดราคานั่ง เด็ก 50 บาท ผู้ใหญ่ 100 บาท อาหารช้างก็จะมีกล้วย, อ้อย, น้ำตาลแว่นและมะขามเปียกในราคาอย่างละ 30 บาทเท่านั้น รวมทั้งได้ถ่ายรูปและอาบน้ำให้ช้าง ป้อนอาหารให้เจ้าช้างอย่างอิ่มเอมใจ นอกจากนี้ที่ปางยังมีอาหารช้าง อาหารคนและเครื่องดื่มไว้จำหน่ายให้กับผู้ที่มาเยือนด้วยเช่นกัน ประมาณ “ช้างอิ่ม คนก็อิ่ม” ซึ่งช้างที่ปางแห่งนี้มีทั้งหมด 5 เชือก เป็นเพศเมีย 2 เชือกชื่อว่า “แมะเดาะห์” และ “แมะโดะห์” ส่วนเพศผู้ 3 เชือก ชื่อว่า “มะแด”, “รอมฎอน” และ “จัมโบ้”


“ทีมข่าว” สอบถามเจ้าของปางช้าง ทำให้รู้ว่า เดิมทีตรงนี้เป็นสวนทุเรียนและลองกอง แต่ในอนาคตจะจัดให้นักท่องเที่ยวได้ขี่ช้างลงเล่นน้ำในคลอง ตั้งแคมป์ ปิ้งย่าง ตามแนวริมคลองได้ด้วย เป็นการต่อยอดให้คนในชุมชนสุไหงบาลาได้มีรายได้ ส่วนควาญช้างที่นี่ เราให้เด็ก ๆ ที่ไม่อยากเรียนหนังสือได้มีงานทำ จะได้ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและสิ่งที่ไม่ดี


ท้ายสุด! นางสาว วรรณนาลัย ตระกูลสรณคมน์ เจ้าของปางช้างสุไหงบาลา ได้กล่าวเชิญชวนให้คนในสามจังหวัดชายแดนใต้มาเที่ยวที่ปางช้าง “อยากให้ทุกคนได้ขึ้นช้าง เป็นปางที่คิดราคาถูกที่สุดในประเทศ เยาวชนที่ยังปิดเทอมอยู่จะได้มาสัมผัสธรรมชาติ ขึ้นช้างแล้วเดินรอบสวน ให้อาหารช้าง ทุกอย่าง 30 บาทเพราะเราซื้อในชุมชน เป็นการช่วยเหลือคนในชุมชนให้มีรายได้จากการซื้อกล้วยและอ้อย ส่วนชาวมาเลย์เค้าชอบอาบน้ำให้ช้าง ปกติที่ปางจะหยุดทุกวันศุกร์ แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียจะมีวันหยุดคือศุกร์และเสาร์ ทำให้ปางต้องเปิดทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่ศุกร์เสาร์เป็นลูกค้าจากมาเลเซีย ทำให้รถทัวร์ของโกลกมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวมาเลย์

ที่จะมาเที่ยวที่ปางนี้ไม่น้อยเลย ตนเองได้ติดต่อกับเจ้าของช้างต่างๆในพื้นที่ ถ้าว่างจากการลากไม้หรือรับงานต่างๆ ก็จะให้ช้างมาอยู่ที่นี่เพื่อจะได้มีรายได้ ส่วนช้าง 5 เชือกเป็นของเราเอง เครือข่ายเรามีประมาณ 30 ตัว ใช้ในการทำพิธีต่างๆ เช่น พิธีเข้าสุนัต การแห่ช้างในงานแต่งงาน งานตาดีกา จะได้ไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง คิดราคา 2,000-3,000 บาท สำหรับคนที่มีเงินจำกัด จะคิดแค่ 1,500 บาท สำหรับปางช้างอยากให้คนในพื้นที่ได้รับโอกาสขึ้นช้างก่อน ส่วนอนาคตค่อยว่ากัน ขณะนี้ชุมชนรอบๆปางมีรายได้ที่ต่อยอดมาจากปางช้าง อีกทั้งทางพ่อแม่เด็กๆ ขอบคุณที่เปิดปางช้าง ทำให้เด็กเปลี่ยนจากเล่นเกมมาเล่นกับช้างแทน โดยในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 80-100 คน บางวันถึง 200 คน มาเป็นครอบครัวบ้าง มีทั้งคนในพื้นที่ คนต่างพื้นที่และชาวมาเลเซีย” แล้วเจอกันที่ “ปางช้างสุไหงบาลา” น้าาาาาาาา !!!!

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน