นราธิวาส-นราฯ เข้ม! MOU ละหมาดวักตู 5 เวลา และละหมาดวันศุกร์ ป้องกันการแพร่ระบาด Covid-19
วันนี้ (15 ม.ค.2564) เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงหรือ MOU เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่าด้วยการละหมาดวักตู ( 5 เวลา)และละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์ ) ที่มัสยิดและสุเหร่า ฉบับที่ 1/2564 ตามประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาสและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส โดยเป็นการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กับนายซาฟีอี เจ๊ะเลาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส
ทางด้ายนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส กล่าวขอบคุณในความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ร่วมกันบูรณาการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยย้ำว่าหากทุกฝ่ายให้ความสำคัญอย่างจริงจัง มั่นใจว่าการระบาดจะไม่ทวีความรุนแรงไปในวงกว้าง และขอฝากความห่วงใยไปยังพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนราธิวาสทุกคน ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งมาตรการที่จังหวัดนราธิวาสกำหนดอย่างจริงจัง ในส่วนของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่าด้วยการละหมาดวักตู ( 5 เวลา)และละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์ ) ที่มัสยิดและสุเหร่า ขอให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติหรือมีประกาศเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2564 เป็นต้นไป
ด้านนายซาฟีอี เจ๊ะเลาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า แม้ว่าจังหวัดนราธิวาสจะมีความเสี่ยงกว่าพื้นที่อื่นๆ เนื่องจากมีพื้นที่ติดกับแนวชายแดน แต่หากทุกคนร่วมใจกันป้องกันและปฏิบัติตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ชาวนราธิวาสก็จะปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19
ขณะที่นายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทั้งในประเทศและในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส สิ่งสำคัญที่อยากฝากไปยังประชาชน นั่นคือการไม่ไปในสถานที่ที่มีการรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งขอให้ประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างเคร่งครัด ด้วยการ เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้านไปในที่สาธารณะ ล้างมือให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนเข้า-ออกทุกสถานที่ หรือตรวจหาเชื้อ (เฉพาะผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน) ลงชื่อสแกนไทยชนะทุกสถานที่ที่ไป หากมีการระบาดในสถานที่นั้นๆ จะได้ง่ายและสะดวกต่อการติดตามตัว
