แจงครูติดป้ายทวงเงินค่าเทอมลูกศิษย์ ไม่มีเจตนาแค่ต้องการคัดแยก ทีมนักสังคมสงเคราะห์พบครอบครัวเด็ก

เพชรบูรณ์-แจงครูติดป้ายบนหน้าอกลูกศิษย์ทวงเงินค่าเทอม ไม่มีเจตนาแค่ต้องการคัดแยก แต่ผู้ปกครองมาเห็นจนรับไม่ได้ ด้านพม.จังหวัดส่งทีมนักสังคมสงเคราะห์ลงพื้นที่เก็บข้อมูลครอบครัวเด็กฯ

วันที่ 22 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีครูโรงเรียนเทศบาลฯเขียนป้ายแปะหน้าอกเด็กทวงค่าเทอม 700 บาท กระทั่งผู้ปกครองไม่พอใจหลังเห็นลูกถูกประจานจึงนำภาพโพสบนเพสบุ๊ก จนกลายเป็นกระแสฮือฮาสนั่นโลกโซเชียลมีเดีย เนื่องจากชาวโซเชียลพากันรุมประณามพฤติกรรมของครูรายนี้ ล่าสุดนางอริศรา พัฒนากูล รองผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านในเมือง) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 1 ต.ในเมือง อ.เมืองฯ จ.เพชรบูรณ์ กล่าวชี้แจงว่า ทางโรงเรียนฯมีการสืบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว กระทั่งได้รับการชี้แจงจากครูว่าเจตนาจริงๆเพียงต้องการติดตามเงินค่าบำรุงการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้เป็นการประจานเด็กแต่อย่างใด แต่เนื่องจากผู้ปกครองมาเห็นและมีความรู้สึกว่าเกินกว่าเหตุเลยไปโพสลงเฟสบุ๊กหรือสื่อโซเซียลมีเดีย จนทำให้เกิดเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ตามมา อย่างไรก็ตามเบื้องต้นได้ทำความเข้าใจกับทางผู้ปกครองเด็กไปแล้ว

นางอริศรากล่าวชี้แจงอีกว่า ในภาคเรียนที่แล้วในการประชุมผู้ปกครองมีการให้ความเห็นชอบให้มีการชำระค่าบำรุงการศึกษาในเรื่องค่าประกันชีวิตและจ้างครูต่างชาติ แต่ ณ วันนี้นักเรียนที่ค้างชำระอยู่ราว 200 กว่าคน ทำให้ไม่สามารถจะส่งยอดประกันชีวิตได้และหากเด็กเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในช่วงนี้เด็กนักเรียนก็จะไม่ได้รับการคุ้มครอง จึงให้ผู้ปกครองที่พร้อมให้สามารถขึ้นไปชำระค่าบำรุงการศึกษาได้ที่ครูประจำชั้นได้เลยเพราะต้องขึ้นไปรับเงินอุดหนุน 360 บาทอยู่แล้ว จึงเตรียมการให้รายชื่อเด็กที่ค้างจ่ายให้ครูประจำชั้นเป็นผู้ประสานกับผู้ปกครอง แต่คุณครูท่านนี้มีการคัดแยกเด็กโดยใช้วิธีเขียนในสก๊อตเทปใสแปะไว้ที่หน้าอกเด็ก เพราะกลัวผู้ปกครองไม่เห็นหรือเด็กไม่บอกจะทำให้พลาดการจ่ายเงินดังกล่าว

อย่างไรก็ตามล่าสุดในช่วงบ่ายของวันนี้ นายเสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ ได้ลงนามในคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงครูรายนี้เรียบร้อยแล้ว โดยมีนางสาวสุณี มังคลารัตนศรี ปลัดเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์เป็นประธานฯ ส่วนกระแสบนสังคมโลกโซเชียลยังไม่หยุดการก่นประณามการกระทำของครูรายนี้ ขณะเดียวกันได้มีประชาชนและผู้ปกครองโทรศัพท์ไปที่โรงเรียนพร้อมสอบถามและด่าทอครูที่กระทำต่อลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก กระทั่งทางโรงเรียนจำเป็นต้องยกโทรศัพท์ออก

เวลาราว 16.30 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ทีมเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว เดินทางไปที่โรงเรียนเทศบาล1 บ้านในเมืองดังกล่าว เพื่อจัดเก็บข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมทั้งหาข้อมูลสภาพครอบครัวของเด็กและผู้ปกครองรายนี้ว่า มีปัญหาขัดสนด้านการเงินหรือไม่ถึงติดค้างค่าเทอม เพื่อหาทางยื่นช่วยเหลือเยียวยาทั้งในเบื้องต้นและในระยะยาวต่อไปหากพบว่าเข้าหลักเกณฑ์ แต่เนื่องจากไม่พบผู้บริหารโรงเรียนทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเดินทางกลับ

อย่างไรก็ตามล่าสุดได้รับแจ้งจากวรรณภา สุขคง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ว่า ทีมนักสังคมสงเคราะห์ฯได้พบครอบครัวเด็กและผุ้ปกครองรายนี้แล้ว และมีการพูดคุยเพื่อประเมินสภาพจิตใจเด็ก หลังถูกกระทำโดยไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเก็บข้อมูลสภาพปัญหาโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจของครอบครัว เพื่อนำข้อมูลกลับมาประเมินวางแผนในการช่วยเหลือต่อไป..