ฉะเชิงเทรา – ถอดสัญญาธนาธร ที่เคยให้ไว้กับคนแปดริ้วจากการตระเวนปราศรัยช่วยหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง หลังชาวบ้านเทคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อให้พรรคก้าวไกลได้เป็นที่ 1 อย่างท่วมท้นในทุกเขตเลือกตั้งกว่า 183,871 คะแนน ทั้งยังนำหน้าพรรค “เพื่อไทย” ที่ได้ ส.ส.เขตมากกว่าตามมาเพียง 128,270 คะแนน ต่อท้ายด้วยพรรค “ลุงตู่” ที่มีคะแนนเป็นลำดับ 3 จำนวน 68,872 คะแนน
วันที่ 15 พ.ค.66 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการเลือกตั้ง ส.ส.ผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ปรากฎว่าในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้นมีผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งไปจำนวน 2 ที่นั่งประกอบด้วย นางฐิติมา ฉายแสง ในเขตเลือกตั้งที่ 1 และนายศักดิ์ชาย ตันเจริญ ในเขตที่ 3 ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 2 นั้นพรรคพลังประชารัฐได้ 1 ที่นั่ง คือ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร และเขต 4 พรรคก้าวไกลได้ 1 ที่นั่ง คือ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์
แต่สำหรับผลคะแนนเลือกตั้งในแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองนั้น ปรากฎว่าพรรคก้าวไกล ได้คะแนนเสียงจากชาว จ.ฉะเชิงเทรา สูงสุดถึง 183,871 คะแนน ทั้งยังนำหน้าพรรคเพื่อไทยที่ได้ ส.ส.เขตถึง 2 คนแต่มีคะแนนเพียง 128,270 คะแนน ตามด้วยพรรค “ลุงตู่” รวมไทยสร้างชาติ ที่มีคะแนนมาเป็นลำดับ 3 จำนวน 68,872 คะแนน ท่ามกลางการเฝ้าจับจ้องของชาว จ.ฉะเชิงเทรา จากคำกล่าวปราศรัยของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ที่เคยให้ไว้ที่ริมเขื่อนข้างหอนาฬิกา ริมแม่น้ำบางปะกง อ.เมืองฉะเชิงเทรา ว่าเลือก “กาก้าวไกล ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม”
ทั้งเรื่องของการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ที่ระบุว่าได้มาจากแนวคิดของ ครู-อาจารย์ และนักวิชาการที่ร่วมกันคิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อครั้งเหตุการณ์ปี 2535 แต่ยังไม่มีใครกล้าทำ และถือเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่จะให้มีการปฏิรูปทหาร พร้อมระบุว่า “หากมีมือมากกว่า 251 มือเมื่อใดในสภาจะทำได้ทันที” ถือเป็นเรื่องที่ง่ายมาก รวมถึงนโยบายการต่อต้านทุนใหญ่ผูกขาดระบบเศรษฐกิจประเทศ ทั้งสุราที่มีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท และพลังงานที่มีการเจรจาต่อรองให้ประโยชน์แก่กลุ่มทุนมากเกินไป ทำให้มีผลกำไรหลายแสนล้านบาทในรอบ 10 ปี
การผลักดันกฎหมายสุราก้าวหน้า ด้วยนโยบายเปิดโอกาสให้ SME เข้าถึงโอกาส เกษตรกรแปรรูปสินค้าโดยใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านสร้างรายได้ให้เกิดผลิตภัณฑ์ของตนเอง การแก้ปัญหาพลังงานและค่าไฟฟ้าแพง ด้วยการเข้าไปแก้ที่ต้นตอ เปลี่ยนวิธีการจัดการใช้ก๊าซธรรมชาติ มาให้ประชาชนใช้ก่อน ขจัดเงินส่วนต่างและลดผลประโยชน์ที่เอื้อกลุ่มทุนให้กลับมาเป็นสวัสดิการรัฐ ตามที่ได้เคยปราศรัยไว้ว่า “สามารถทำได้ทันที หากได้เข้าไปมีอำนาจ”
นโยบายจัดเก็บภาษีคนรวยหรือภาษีความมั่งคั่ง จากผู้ที่มีทรัพย์สินมากเกินกว่า 300 ล้านบาท ที่จะต้องจ่ายภาษีให้มากขึ้น เพื่อนำมาสร้างสวัสดิการสังคม ยกเลิกการผูกขาดทางเศรษฐกิจ เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กได้เข้าถึงโอกาสทางธุรกิจ ด้วยระบบเศรษฐกิจเป็นธรรม สร้างความมั่นคงให้คนได้วางแผนชีวิต และดึงศักยภาพของคนให้ออกมาช่วยกันพัฒนาประเทศ ภายใต้ความทะเยอทะยาน ด้วยการกล้าคิดกล้าฝัน
พร้อมผลักดันโครงการรถเมล์ไฟฟ้าในทุกจังหวัด เพื่อลดค่าผ่อน ค่าบำรุงรักษา ค่าซ่อมรถและค่าน้ำมัน รวมถึงปัญหาการแย่งพื้นที่การจอดรถ ด้วยการทำรถเมย์ไฟฟ้าที่สะอาด ไม่ก่อมลพิษลดปัญหาสิ่งแวดล้อม PM 2.5 ภายใต้แนวคิด “การเดินทางเป็นโอกาสของชีวิต” ทั้งยังจะทำให้น้ำประปาดื่มได้ เพื่อยกเป็นมาตรฐานตามประเทศที่พัฒนาแล้วช่วยลดต้นทุนการใช้ชีวิต ต่อเนื่องด้วยการนำเทคโนโลยีด้านต่างๆ เข้ามาใช้ในการผลิต สร้างงานให้บุตรหลานมีงานทำมั่นคง ได้เงินเดือนสูงด้วยมูลค่าเพิ่มทางเทคโนโลยี
โดยเฉพาะการปราศรัยในช่วงท้ายของวันนั้น (9 เม.ย.66) ที่ระบุว่า “พรรคเราไม่ได้ใช้เงินเยอะแยะในการหาเสียง นี่คือการเมืองแบบเราถ้าใช้เงินเยอะแยะ เมื่อเข้าไปมีอำนาจก็ต้องไปถอนทุนคืนจึงไม่ทำการเมืองอย่างนั้น เพราะหากเข้าไปทำการเมืองแบบนั้น ก็ต้องไปประนีประนอม เมื่อประนีประนอมก็จะแก้ปัญหาที่ต้นตอไม่ได้ เข้าไปก็ต้องทุจริตคอรัปชั่น”
โดยยังได้ย้ำไว้อีกว่า “หากทำการเมืองอย่างนั้นไม่ตั้งพรรคดีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่าการทำการเมืองแบบนี้จะอยู่รอดได้จริงหรือเปล่า เพราะโดนปรามาสไว้เยอะว่าจะอยู่ได้ครั้งเดียวเท่านั้น หากใครติดตามการทำงานในสภาจะเห็นได้ว่าเราโดดเด่นขนาดไหน อยากให้มีพรรคอย่างนี้อยู่ไหม หากเราทำงานการเมืองแบบนี้เป็นจริงได้ จะทำให้คนอื่นทำตาม ถ้าหากล้มเหลวจะไม่มีใครกล้าสร้างพรรคการเมืองแบบนี้อีก การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เป็นการยืนยันความเป็นจริงว่ามันยืนได้หรือไม่ในสังคมนี้”
พร้อมทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า “จะมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน ขอคะแนนเสียงที่ไม่ใช่อามิสสินจ้างแต่ขอแลกเปลี่ยนด้วยคำสัญญาว่า ถ้ามีอำนาจเข้าไปแล้วจะไม่เอาอำนาจนั้นมาหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง แต่จะเอาอำนาจนั้นไปรับใช้ประชาชน จะไปสร้างประเทศไทยที่ไม่เหมือนเดิม จะนำพาความเจริญก้าวหน้าสู่สังคมไทย นี่คือคำสัญญา นายธนาธร กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้เมื่อวันที่มาปราศรัยช่วยหาเสียงเลือกตั้งที่ จ.ฉะเชิงเทรา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: