เทศบาลนครอยุธยาเร่งกู้น้ำท่วมวัดศาลาปูน ท่าเรือป่าสักท่วมตลาด

พระนครศรีอยุธยา-ป่าสักล้นตลิ่งท่วมตลาด เจ้าพระยาล้นท่วมวัดศาลาปูนกลางดึก เทศบาลนครฯเร่งกู้ หวังเป็นที่พักชาวบ้านช่วงวิกฤต บางบาลอ่วมไม่แพ้กันท่วมถนน

แม่น้ำเจ้าพระยามีระดับน้ำที่สูงขึ้น เวลา 03.30 น.วันที่ 30 กันยายน เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นำโดยว่าที่ร้อยตรีสมทรง  สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา พร้อมรองนายก และเจ้าหน้าที่กองช่างตรวจสอบสภาพน้ำในคลองที่ไหลทะลักเข้าท่วมวัดศาลาปูนวรวิหารและวัดพรหมนิวาสวรวิหาร ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร มาร่วมตรวจสอบพื้นที่ ซึ่งปริมาณน้ำในคลองเมือง รับน้ำจากแม่น้ำพระยา ได้ไหลทะลักเข้าท่วมลานวัด สูงกว่า 30 เซนติเมตรและยังมีการเพิ่มระดับต่อเนื่อง  เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เร่งนำรถแบคโฮ ปั้นคันดินรอบ ๆ พื้นที่วัดเพื่อให้พระสงฆ์และประชาชนสัญจรไปมาในชุมชนได้

ว่าที่ร้อยตรีสมทรง  สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ระดับในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เทศบาลฯ สั่งเฝ้าระวังทุกจุดที่อาจเกิดน้ำท่วมเข้าเกาะเมืองซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจได้  โดยหลังจากน้ำท่วมใหญ่ปี 2554  ทางเทศบาลได้ยกระดับถนนรอบเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา สูงกว่าระดับน้ำปี 2554 ประมาณ 50 เซนติเมตร  ระดับน้ำในจุดต่ำสุดของเกาะเมืองต่ำกว่าตลิ่ง  50 เซนติเมตร ซึ่งภายในวันศุกร์หากสถานการณ์น้ำเพิ่มขึ้น จะต้องตั้งคันดินบริเวณเจดีย์พระศรีสุริโยทัย ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ พร้อมตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

พระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร เปิดเผยว่า ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ไม่สามารถป้องกันได้ทัน โดยระดับน้ำเพิ่มขึ้นกว่า 30 เซนติเมตรเพียงระยะ 3 – 4 ชั่วโมง ขอให้กรมชลประทานประกาศเตือนประชาชนด้วยความจริงด้วย เนื่องจากรอบวัดมีชุมชนกว่า 100 หลังคา หากระดับน้ำเพิ่มขึ้นกลางดึก จะไม่สามารถขนของหนีได้ทัน

ที่ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักสูงขึ้นกว่า 1 เมตร หลังจากเขื่อนพระราม 6 ได้ขึ้นธงแดงแล้ว ทำให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณตลาดริมแม่น้ำของอำเภอท่าเรือ สูงประมาณ 50 ซ.ม.บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างพากันขนข้าวของยกขึ้นสูง แต่ยังคงขายเป็นวันสุดท้าย โดยพรุ่งนี้คาดว่าจะย้ายไปขายบริเวณด้านตลาดสถานีรถไฟซึ่งเป็นที่สูง โดยน้ำป่าสักที่ขึ้นสูงนี้  ส่งผลให้การจราจรบริเวณริมแม่น้ำเป็นไปด้วยความลำบาก โดยขณะนี้เขื่อนพระรามหกระบายน้ำอยู่ที่ 683 ลบ.เมตรต่อวินาที และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระบายน้ำอยู่ที่ 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ทางชลประทานเตือนให้ประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำป่าสักในเขต พื้นที่ อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง และพระนครศรีอยุธยา เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น

ชาวบ้านที่ ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วยกันนำกระสอบทราบวางแนวก้นหน้าวัดจุฬามณี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากเมื่อกลางดึกมีน้ำทะลักเข้ามา เพื่อกันพื้นที่ไว้เพื่อจอดรถและเป็นที่พักชาวบ้านหากน้ำท่วมในหมู่บ้านมากขึ้น ขณะที่ทหารจาก ม 5 พัน 24 รอ สระบุรี นำทรายมา ร่วมกับจิตอาสา และนักเรียนช่วยกันป้องกันโรงเรียนบางบาล โดยระดับน้ำที่สูงขึ้นยังท่วมถนนเส้นทางสายวัดอินทาราม-บางบาล การจราจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทางอำเภอได้ประสานกับทางหลวงชนบทในการเร่งมากู้ถนนเพื่อไม่ให้เสียหายมากขึ้น พร้อมทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่ต้องการให้เปิดประตูระบายน้ำเข้าทุ่งนา แต่เนื่องจากยังไม่สามารถระบายน้ำเข้าทุ่งได้ เนื่องจากยังมีการเก็บเกี่ยวข้าวและแคนตาลูป คาดว่าจะระบายน้ำเข้าทุ่งบางบาลได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่นำรถและข้าวของออกไปอยู่ริมถนน โดยทางเทศบาลตำบลบางบาลนำเต็นท์มาตั้งตามจุดต่างๆ และยังมีการนำดินมาวางแนวป้องกันน้ำท่วมถนนด้วย

น้ำหลากจากแม่น้ำสะแกกรังไหลผ่านสถานีวัดน้ำจังหวัดอุทัยธานี (Ct. 19) อยู่ในอัตรา 45 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประเมินปริมาณน้ำไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาอยู่ในอัตรา 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ กอนช. ได้มอบหมายให้กรมชลประทานบริหาร จัดการน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ร่วมกับการตัดยอดน้ำเข้าระบบคลองซลประทานทั้งสองฝั่ง และพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ในอัตรา 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประกอบกับมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพิ่มมากขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพความปลอดภัย และความมั่นคงของเขื่อน จึงจำเป็นต้องระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในอัตรา 90. – 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที่ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (C.29A) อยู่ในอัตราประมาณ 3,000 – 3,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และส่งผลให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 1.20-2.50 เมตร และท้ายเขื่อนพระรามหกเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 2.30 – 2.80 เมตร ในช่วงวันที่ 1-5 ตค