ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เก็บเกี่ยวใบกัญชาหนึ่งเดียวในภาคใต้นำกัญชามาใช้ในการรักษาทางการแพทย์ พร้อมนำร่องใบกัญชาเป็นส่วนผสมอาหารหลากหลายประเภท
ผู้สื่อข่าวรายานจากจังหวัดพัทลุงว่า ที่ รพ.สต.นาปะขอ ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เก็บเกี่ยวใบกัญชาหนึ่งเดียวในภาคใต้ที่ดำเนินการโดยชุมชนวิสาหกิจชุมชนบ้านนาปะขอ เพื่อใช้รักษาทางด้านการแพทย์เป็นน้ำมันกัญชา เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข กำหนดนโยบายให้โรงพยาบาลจัดให้มีบริการกัญชาทางการแพทย์แก่ผู้ป่วย ซึ่งจังหวัดพัทลุง จึงนำกัญชามาใช้ในการรักษาทางการแพทย์ โดยมีโครงการปลูกกัญชาของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในโรงเรือนแบบปิดมีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดีและได้รับการตรวจสอบจากหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด และได้ปลูกต้นกัญชาจำนวนทั้ง 144 ต้น ซึ่งวันนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวใบกัญชา ช่อดอก และส่วนอื่นๆ
เพื่อนำผลผลิตกัญชาไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตตำรับยาแผนไทย ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ได้แก่ ตำรับยาน้ำมันสนั่นไตรภพที่ปลอดภัยให้ได้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านนาปะขอ นำผลผลิตกัญชาส่งเป็นวัตถุดิบให้กองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพรไทยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในการผลิตยาแผนไทยหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ พร้อมกับสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับพืชกัญชาของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นที่ขอสนับสนุน และให้วิสาหกิจชุมชนจำหน่ายใบเปลือกลำต้นเส้นใยกิ่งก้าน และรากให้ผู้ประกอบการรวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ ในการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่นอาหาร
ขณะที่วันนี้ได้นำร่องตัดใบกัญชามาเป็นส่วนผสมประกอบอาหารหลากหลายชนิด ทั้งอาหารคาว อาหารหนาว และเครื่องดื่ม ซึ่งทุกคนที่รับประทานต่างชื่นชอบ นอกจากนั้นทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชายังได้จำหน่ายใบกัญชาสำเร็จรูป ประชาชนผู้ร่วมงานแห่ซื้อจนเกลี้ยง
ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) กล่าวว่าจะมีการขยายการปลูกกัญชาไปยังสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านนาปะขอคนละ 6 ต้น ซึ่งผู้ที่จะปลูกจะต้องมายื่นขออนุญาตของ รพ.สต.บ้านนาปะขอให้ถูกต้อง ส่วนบุคคลภายนอกยังปลูกไม่ได้ สำหรับกัญชาที่ตัดใบในวันนี้นอกจากจะนำไปใช้ในการแพทย์แผนไทย และนำไปสกัดเป็นน้ำมันกัญชาอีก 16 ตำรับแล้ว จะมีการขยายไปสู่การทำเครื่องสำอาง อาหาร โดยในส่วนของอาหารนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้นำกัญชามาจัดทำเป็นอาหารได้แล้ว ในส่วนของการจัดทำเครื่องสำองค์ก็จะมีการขับเคลื่อนตามขั้นตอนกันต่อไป
สำหรับกัญชานั้นนับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชนกินได้ นอนหลับดีขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคดีขึ้น อันจะเกิดประโยชน์ต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ดีขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามกัญชายังเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สำคัญของประเทศไทย ในการสร้างงานงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ซึ่งในขณะนี้ราคากัญชาแห้งมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 20,000บาท ส่วนต้นกัญชามีราคากิโลกรัมละ 10,000 บาท แต่ในขณะนี้ในประเทศไทยมีกัญชาทางการแพทย์น้อยมาก ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขจะได้ร่วมกับ รพ.สต. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จะได้ขยายพื้นที่การปลูกกัญชาให้ครอบคลุมทั้งประเทศ และจะได้เปิดโอกาสให้เอกชนเข้ารับซื้อกัญชาดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรต่อไป
