X

ชาวบ้านขอพึ่งศาล ฟ้องฟาร์มหมูปล่อยน้ำเสียลง โคก หนอง นา พังเสียหาย

ราชบุรี  ในวันนี้ (8 ก.ค.64) นางสาวเสาวนิตย์  เจิมเกิด  อายุ 51 ปี  ชาวบ้านในหมู่ 5  ต.จอมบึง  อ.จอมบึง  จ.ราชบุรี  ได้เดินทางที่ศาลจังหวัดราชบุรี พร้อมกับ ว่าที่ ร.ต.สมชาย  อามีน  นายกสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิ์และสิ่งแวดล้อม  ซึ่งเป็นทนายอาสา ให้กับนางสาวเสาวนิตย์  เพื่อฟ้องฟาร์มหมูแห่งหนึ่งที่ปล่อยน้ำเสียลงไปในแปลงเกษตร  ที่นางสาวเสาวนิตย์ นั้นได้ทำเป็น โคก หนอง นา ตามศาสตร์พระราชา จนทำให้แปลงเกษตรนั้นได้รับความเสียหายทั้งหมด  พืชผักที่ปลูกไว้ก็ถูกน้ำเสียท่วมตายทั้งหมด  จึงได้เดินทางมาฟ้องศาลเพื่อขอให้ศาลได้พิจารณา  โดยเรียกร้องให้ทางฟาร์มได้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น และขอให้ปิดกิจการเพื่อจะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนอีก

     โดยนางสาวเสานิตย์ นั้นเล่าให้ฟังทั้งน้ำตาด้วยความอัดอั้นตันใจ ว่า ตนมีที่ดินที่ติดกับฟาร์มหมูแห่งนี้ จำนวน 5 ไร่ โดยขุดเป็นบ่อเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ 1 ไร่ ส่วนอีก 4 ไร่ นั้นก็ไว้สำหรับปลูกพืชผัก  ซึ่งในช่วงที่เกิดปัญหา ตนมีอาชีพเป็นนางรำของวงดนตรีชื่อดังในจ.ราชบุรี  เมื่อมีอาชีพก็ไม่ค่อยได้เข้าไปดูแลพื้นที่  ในช่วง ปี พ.ศ.2556  น้ำเสียก็ทะลักลงมาท่วมพืชผักที่ปลูกไว้  แต่ครั้งนั้นคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุฝนตกหนักทำให้คันดินบ่อบำบัดของฟาร์มนั้นพัง และตนก็ไม่อยากจะไปมีปัญหา ให้ฟาร์มอยู่ได้เราอยู่ได้ก็พอ   แต่ในปีต่อมาช่วงหน้าฝนก็พังอีก  ซึ่งก็ได้แจ้งให้ทางฟาร์มนั้นได้รับรู้มาตลอด     แม้จะอัดคลิปวีดีโอแจ้งความเดือดร้อนไปถึงหน่วยงานเรื่องก็เงียบ  และเมื่อเกิดโรคโควิดระบาด วงดนตรีที่ตนไปเต้นก็ไม่มีงาน  ทำให้ต้องกลับมาทำการเกษตร โดยนำเงินเก็บที่มีอยู่กว่า 300,000 บาท มาลงมือทำ โคก หนอง นา ตามศาสตร์พระราชา ซึ่งศึกษามาเกือบสองปี  ปลูกพืชผักหลายชนิด ก็หวังว่าจะได้เก็บกินและขายเลี้ยงชีพ เลี้ยงแม่ที่อายุมากแล้ว  ทำมาเกือบปี แต่ในช่วงคืนเดียวน้ำเสียจากฟาร์มมาทำลายจนหมด  แม้แต่น้ำในบ่อก็มีกลิ่นเหม็น  ตอนนี้ไม่มีเงินที่ใช้ประทังชีวิตเลยอาศัยเงินจากผู้สูงอายุของแม่เลี้ยงชีพ  หมดทุกอย่างวันนี้จึงต้องมาขอพึ่งศาลให้ช่วย

     ด้านว่าที่ ร.ต.สมชาย  อามีน  นายกสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิ์และสิ่งแวดล้อม   ทนายอาสา  ก็บอกว่า วันนี้ได้เดินทางมายื่นฟ้องในเรื่องของการประกอบกิจการสุกร  ที่ปล่อยให้น้ำขี้หมูไหลลงแหล่งน้ำสาธารณะและพื้นที่ของชาวบ้าน  ทำให้ชาวบ้านได้รับความเสียหาย  จึงนำมาฟ้องในคดีสิ่งแวดล้อม  โดยมาฟ้องนำร่องก่อน โดยมีชาวบ้านเป็นโจกท์ฟ้องสองคน  และจะมีชาวบ้านตามมาฟ้องอีกส่วนหนึ่ง  ซึ่งคำฟ้องนั้นจะเป็นการฟ้องละเมิดตาม พรบ.สิ่งแวดล้อม และ พรบ.สาธารณสุข เรียกค่าเสียหายให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากการประกอบกิจการของฟาร์มสุกร  และขอให้มีการแก้ไข  ฟื้นฟูในเรื่องของการปล่อยน้ำเสีย  รวมทั้งให้หยุดประกอบกิจการการเลี้ยงสุกรไว้ก่อนจนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหา   ซึ่งในการฟ้องคดีสิ่งแวดล้อม สินทรัพย์ที่จะใช้ในการฟ้องนั้นจะค่อนข้างสูงพอสมควร และการที่จะให้ชาวบ้านต้องมาเสียค่าธรรมเนียมศาล มันจะทำให้ความยุติธรรมนั้นได้ไม่ถึง  จึงได้มีการขอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลในการฟ้อง  ซึ่งศาลก็จะต้องมีการไต่สวนก่อนว่าจะมีการอนุญาตหรือไม่อย่างไร  และหลังจากที่ศาลได้ไต่สวนแล้วอาจจะอนุญาตให้ยกเว้นทั้งหมดก็ได้ หรืออาจจะยกเว้นบางส่วนก็ได้ หลังจากนั้นศาลก็จะสั่งรับฟ้องอีกครั้ง

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สายชล โอชะขจร

สายชล โอชะขจร

ผู้สื่อข่าวราชบุรี