พบเศษชิ้นส่วนศพมนุษย์ ช่วงแขน และศรีษะ หมกป่าละเมาะริมชายแดนไทย-มาเลเซีย

สงขลา-สะเดา พบเศษชิ้นส่วนศพมนุษย์เหลือเพียงส่วนศรีษะ และแขน หมกป่าละเมาะ ใกล้สถานที่สร้างด่านศุลกากรสะเดา แห่งใหม่ ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย ยังไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน คาดเสียชีวิตมานานกว่า 3 สัปดาห์

ช่วงเย็นวันนี้ ( 24 เมษายน )  นายพลวัฒน์ วิไลชื่นผล กำนันตำบลสำนักขาม ชุด ฉก.อาสาฯด่านนอก และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางเข้าตรวจสอบบริเวณถนนริมรั้วชายแดนไทย –มาเลเซีย เขตหลักแดนที่ 23 ม.7 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา หลังจากมีชาวบ้านแจ้งข่าวว่า มีคนเข้าไปหาหน่อไม้ และพบเศษชิ้นส่วนซากศพเข้าโดยบังเอิญถึงที่บริเวณจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นป่าละเมาะและป่าหญ้าคา ห่างจากถนนประมาณ 20 เมตร พบเศษชิ้นส่วนศพ เป็นแขนเพียงข้างเดียว มีกำไลสแตนเลสสวมอยู่ 3 อัน และชิ้นส่วนกะโหลกศรีษะ ที่เปื่อยจนเริ่มแห้ง เห็นกระดูกและฟันชัดเจน แต่ไม่พบชิ้นส่วนอื่นๆ ซึ่งจากสภาพชิ้นส่วนศพที่พบ คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้ว นานกว่า 3 สัปดาห์นางสมนึก กล้าคง อายุ 50 ปี หัวหน้าชุด รปภ.โครงการสร้างด่านศุลกากรสะเดา บอกว่ามีคนงานมาแจ้งตนเองตั้งแต่เมื่อวาน ว่ามีคนพบศพใกล้ๆ กับแคมป์คนงาน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มา  แต่ตนเองก็ไม่ได้ตามไปดู จนถึงวันนี้ทราบว่าทางกำนันตำบลสำนักขาม จะเข้ามาดูที่เกิดเหตุ จึงได้พามาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนผู้เสียชีวิตจะเป็นใครมาจากไหน ตอนนี้ยังไม่ทราบ เพราะในส่วนของคนงาน ก็มีที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และยังไม่กลับมา ส่วนที่อยู่ก็ไม่มีใครสอบถามหรือแจ้งสูญหายแต่อย่างใดสำหรับพื้นที่จุดที่เกิดเหตุ อยู่ใกล้กับสถานที่ก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดา มีแรงงานชาวพม่าอาศัยอยู่เพื่อทำงาน ประกอบกับป่าละเมาะในบริเวณนั้น เคยเป็นจุดที่ผู้ลักลอบค้าแรงงานเถื่อน ใช้เป็นที่พักระหว่างรอข้ามประเทศ ที่รั้วกั้นเขตแดนอยู่ห่างออกไปประมาณ 300 เมตร เท่านั้น ซึ่งเศษชิ้นส่วนซากศพที่พบในขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูล หรือรายละเอียดว่าเป็นใครมาจากไหน เพศหญิงหรือชาย และอาจจะเป็นศพที่ถูกฆาตกรรม แล้วนำศพไปทิ้ง เพื่ออำพรางคดี แต่มีคนไปพบดังกล่าว ซึ่งต้องรอการสืบสวนจากเจ้าหน้าที่ต่อไป