X

สงขลา”เส้นทางมรณะ”ต้องรอให้สูญเสียและสังเวยอีกกี่ชีวิต ถึงจะพอ Ep.2

สงขลา-สะเดา เส้นทางมรณะ ( Ep.2 ) ปัญหารถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ ยึดไหล่ทางเป็นที่จอดข้ามวันข้ามคืน จนเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ ปัญหาที่ยังแก้ไขไม่ได้ กฎข้อบังคับไม่ศักดิ์สิทธิ์พอ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ส่วนหนึ่งเชื่อว่า ภาพความสูญเสียที่ผ่านๆมา จะไม่เกิดขึ้นถ้า “คนขับไม่มักง่าย และเจ้าหน้าที่ไม่ละเว้น”

จอดทั้งคืนทั้งวัน ( ไม่มีเครื่องหมายใดๆที่แสดง )

กรมการขนส่งออกมาเตือนผู้ใช้รถบรรทุก ที่จำเป็นต้องจอดรถในทางเดินรถหรือไหล่ทาง ต้องแสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณเตือนและต้องมีไว้ประจำรถไม่น้อยกว่า 2 ชิ้นต่อคัน เพราะถ้าผู้ประกอบการขนส่งไม่จัดเตรียมเครื่องหมายไว้ประจำรถตามที่กำหนด มีความผิดตามกฎหมายฐานไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ.2558 หากผู้ขับรถละเลยไม่นำมาใช้ มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท

รูปแบบของเครื่องหมายหรือสัญญาณที่จะต้องแสดงเมื่อจอดรถในทางเดินรถหรือไหล่ทาง

มี 3 รูปแบบด้วยกัน ตามประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องการจัดให้มีเครื่องหมายหรือสัญญาณที่จะต้องแสดงเมื่อจำเป็นต้องจอดรถในทางเดินรถหรือไหล่ทาง พ.ศ. 2561 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2561 เป็นต้นมา ประกอบไปด้วย

เครื่องหมายเตือนรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ยาวไม่น้อยกว่าด้านละ 50 เซนติเมตร พร้อมขาตั้งหรือฐานตั้ง ขอบสีแดงสะท้อนแสง ด้านในเครื่องหมายอาจมีพื้นสีขาวและรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำหัวท้ายมนในแนวดิ่ง หรือมีแถบสะท้อนแสงสีแดงเพิ่มเติม หรือเป็นพื้นที่เปิดโล่งก็ได้

กรวยสะท้อนแสง ต้องสูงไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร ฐานตั้งกว้างไม่น้อยกว่า 28 เซนติเมตร พื้นสีส้มตลอดทั้งอัน มีแถบสะท้อนสีขาวกว้างไม่น้อยกว่า 10 เซนติเมตร คาดตามแนวนอนโดยรอบอย่างน้อย 1 แถบ

โคมไฟสัญญาณ ขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 6 เซนติเมตร สูงไม่น้อยกว่า 24 เซนติเมตร พร้อมขาตั้งหรือฐานตั้ง ส่วนของไฟสัญญาณต้องเป็นสีเหลืองอำพันกะพริบและไฟสีขาวๆ

รถกระบะคันนี้เสียหลักพุ่งชนท้ายรถเทรลเลอร์ ซึ่งจอดซ้อนคัน 

ในกรณีที่เครื่องยนต์หรือเครื่องอุปกรณ์ของรถขัดข้อง และจำเป็นต้องจอดรถบนทางเดินรถหรือไหล่ทาง ต้องวางเครื่องหมายหรือสัญญาณในระยะห่างจากรถไม่น้อยกว่า 50 เมตร เพื่อเตือนผู้ขับขี่อื่นให้สังเกตเห็นและหยุดรถได้อย่างปลอดภัย และรีบดำเนินการแก้ไขเคลื่อนย้ายรถออกจากช่องทางเดินรถหรือไหล่ทางโดยเร็วเพื่อความปลอดภัย และลดความเสี่ยงเกิดอุบัติหตุ ( ข้อมูลจาก m.chobrod.com// ) ข้อกำหนดเขียนไว้ชัด แต่ชีวิตจริงไปดูได้เลยหน้างาน มีปฏิบัติแบบที่ว่าไหม ทีนี้ถามว่าทำไมหน่วยงานที่มีอำนาจไม่จัดการให้เด็ดขาดในเมื่อกฎข้อบังคับมันชัดเจนอยู่แล้ว

นั่นแบบวิชาการเข้าใจยาก แต่เอาแบบบ้านๆเข้าใจง่ายๆคือ รถบรรทุก รถเทรลเลอร์ไม่มีสิทธิ์จอดบริเวณไหล่ทาง หรือจอดได้ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินเช่นรถเสีย แต่คุณต้องวางอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ให้คนอื่นมองเห็นชัดเจน  ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน (ไม่ใช่อย่างที่ ตร.บางท่านบอกว่าจอดได้ ไม่ต้องมีสัญลักษณ์อะไรในเวลากลางวัน)

จอดซ้ายขวา เว้นเลนกลางไว้ ( จุดนี้เจ้าหน้าที่มาจับปรับ แต่ก็ยังจอดกันในทุกๆวัน )

นักกฎหมายบอก พวกรถยักษ์เจ้าถนนเหล่านี้หากจอดไหล่ทาง โดยไม่มีเหตุฉุกเฉิน จอดซ้อนคัน จอดเป็นเวลานาน จอดแล้วแอบไปนวด…เจ้าพนักงานสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้เลย โดยตรงก็คือตำรวจ อำเภอ  สำหรับเทศกิจ ( จับไม่ได้แต่แจ้งได้) ทีนี้เลยร้องอ๋อ ที่จอดๆกันข้ามคืนข้ามวัน 100 เปอร์เซ็นต์ คือผู้มีอำนาจหน้าที่ปล่อยปละละเลยนั่นเอง …เวรกรรมของชาวประชา… ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถเคลื่อนย้าย โดยเจ้าของรถเสียค่าขนย้ายคืนด้วยและเปรียบเทียบปรับอัตราสูงได้ทันที แต่…ไม่เห็นมีทำกัน  มักโบ้ยไปว่าไม่มีคนแจ้งเลยไม่ทราบเรื่อง ทั้งที่ก็เห็นว่าตำรวจเขามีสายตรวจตลอด 24 ชั่วโมง มิใช่หรือครับ….ท่านผู้กำกับ ท่านผู้การทั้งหลาย

มุมมองของปัญหาและเเนวทางการแก้ไข

นายสาธิต ลิ่ววัฒนะโชตินันท์ นายกเทศมนตรีตำบลสำนักขาม คนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้ามา และกำลังแก้ปัญหาเรื่องการจราจร การจอดของรถบรรทุก ( ซึ่งถูกสังคมจับตามองว่าจะหาทางออกเรื่องนี้ยังไง ) บอกว่า “ ถนนเส้นนี้เป็นของทางหลวง เทศบาลฯไม่มีอำนาจไปทำอะไร และเทศบาลฯไม่มีอำนาจในการไปจับรถ มันเป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง”

สาธิต ลิ่ววัฒนะโชตินันท์ ( นายก ทต.สำนักขาม )

ซึ่งฝ่ายปกครองที่สามารถจับได้คือทางอำเภอ ตำรวจ หรือว่ากำนันที่สามารถจับได้ ก่อนหน้านี้ผมเคยไปคุยกับทาง สภ.สะเดา ว่ารถที่จอดบริเวณไหล่ทาง เราจะสามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งมีคำตอบว่าเนื่องจากอุปกรณ์ในการล็อคล้อมีอยู่อย่างจำกัด จึงไม่สามารถล็อคล้อได้

แต่ผมคิดว่าคนที่มีความสำคัญในเรื่องนี้มากที่สุด คือเจ้าของรถหัวลากทั้งหลาย ซึ่งตรงนี้ผมได้ทำหนังสือถึงบริษัทชิปปิ้ง บริษัทรถหัวลากทั้งหลาย ขอความร่วมมือว่าอย่าจอดรถบริเวณไหล่ทาง ถ้าจะจอดให้จอดบริเวณที่ของเอกชนไปเช่าเอกชนข้างใน

ส่วนอุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตจะเป็นเคสในเวลากลางคืน ซึ่งเราต้องมองว่าสาเหตุก็คือรถไม่มีที่จอด ผมได้ประสานไปยัง อบจ.ซึ่งได้อนุมัติเนื้อที่ประมาณ 100 กว่าไร่ เพื่อให้เป็นพื้นที่จอดรถเทรลเลอร์ ในตอนกลางวันให้เข้าไปจัดคิว ไม่ใช่มาจัดคิวบริเวณเมืองอีกต่อไป  ส่วนในตอนกลางคืนจะให้รถเทรลเลอร์เข้าไปจอด โดยมีตำรวจ อำเภอ ซึ่งผมประสานไว้แล้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของเทศบาล เข้าไปดูแลความปลอดภัยให้

โดยทาง อบจ.จะนำเครื่องจักรเข้ามาปรับพื้นที่ ให้รถเข้าไปจอดได้ ซึ่งประมาณ 2-3 เดือน แต่หากทำไประยะนึงพอมีพื้นที่ เราก็จะให้รถเข้าไปจอดก่อน เราจะไม่รอให้เสร็จทีเดียว โดยทางผมทางเทศบาลฯได้ขอความอนุเคราะห์ไปยัง นายก อบจ.เพื่อที่จะให้บรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้อง และรายงานให้ทราบว่าตอนนี้ปัญหานี้ คร่าชีวิตชีวิตพี่น้องชาวสำนักขามไปแล้วหลายท่าน

รถคันนี้จอดเนื่องจากเครื่องอุปกรณ์พ่วงขัดข้อง ( เสีย ) แต่ไม่มีสัญญานใดๆเเจ้งเตือนทั้งด้านหน้ารถ-หลังรถ

นั่นคือส่วนหนึ่งที่ได้คุยกับ นายกเทศมนตรี ตำบลสำนักขาม ก็คงต้องรอ ๆว่า เมื่อมีที่จอดเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว รถบรรทุกสินค้าทั้งหลายจะเข้าไปจอดหรือไม่ และหากมาจอดบริเวณไหล่ทางอีก ผู้มีหน้าที่ผู้คุมกฎฯจะว่าอย่างไร โดยพื้นที่ๆว่าจะอยู่ตรงข้ามค่ายธนพัฒน์  นั่นเอง หวังว่าพี่น้องชาวสำนักขามหรือจากที่อื่นๆ ซึ่งใช้ถนนเส้นนี้ในการสัญจร จะได้รับความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน ลดการสูญเสีย…และภาพเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นถ้า “คนขับไม่มักง่าย และเจ้าหน้าที่ไม่ละเว้น”

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ภูมริน มหันตมรรค

ภูมริน มหันตมรรค

เคยเป็นสื่อทีวีในฐานะทีมช่างภาพตั้งแต่ยุคเปิดตัว ITV. และทำข่าว นสพ.ท้องถิ่นมาก่อน และหยุดไปช่วงนึง 4 ปี เนื่องจากย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ กลับมาก็เริ่มใหม่ในสื่อทีวี และ นสพ. จนกระทั่งปัจจุบัน 77 ข่าวเด็ด