X

‘เฟิร์สโหวต’แห่ฟัง‘อนาคตใหม่’เต็มลาน‘ถนนคนม่วน’

เชียงราย-วัยโจ๋…มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย‘ธนาธร’ขึ้นเวทีเอง เน้นกระจายอำนาจสู่ชนบท ลดความเหลื่อมล้ำ มาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ สร้างเมกกะโปรเจคด้านการศึกษา ฝากผู้สมัครหน้าใหม่เป็นพรรคของอนาคตใหม่ ‘เฟิร์สโหวต’ เรียงคิวรอเซลฟี่ยาวกว่า 60 เมตร หลังเสร็จสิ้นการปราศรัย

เวลา 17.00 น.วันนี้ (9 มีนาคม 2562) ณ ลานถนนคนม่วน  หน้าวัดเชตุพน ถนนสันโค้งน้อย ในเขตเทศบาลนครเชียงราย พรรคอนาคตใหม่ ได้ทำการเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ได้เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัยด้วยตนเอง หลังจากเมื่อครั้งที่แล้วได้ส่ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ขึ้นเวทีเปิดตัวผู้สมัครในเวทีเดียวกันนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยในครั้งนี้ มีประชาชน รวมทั้งบรรดานักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็นผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในครั้งแรก หรือ ‘เฟิร์สโหวต’ ในจังหวัดเชียงราย และ จ.พะเยา ทยอยเดินทางเข้ารับฟังการปราศรัยตั้งแต่เวลา 16.00 น.เต็มลานถนนคนม่วน สถานที่จัดรำวงย้อนยุคของชาวเชียงราย จำนวนประมาณกว่า 1,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่พากันใส่เสื้อสีส้ม และได้ชูป้ายสนับสนุนพรรค พร้อมปรบมือส่งเสียงเชียร์ระหว่างการปราศรัยเป็นระยะๆ

โดยก่อนที่ นายธนาธร จะขึ้นบนเวทีปราศรัย พิธีกรกลางได้เปิดวีทีอาร์ แนะนำแนวนโยบายพรรค พร้อมกับคำปราศรัยของ หัวหน้าพรรค สลับกับการจัดลำดับให้ผู้สมัคร สส.ของพรรค ในพื้นที่ จ.เชียงราย จำนวน 7 เขต และในพื้นที่ของ จ.พะเยา 3 เขต ขึ้นเวทีปราศรัยเรียกน้ำย่อยให้กับบรรดาแฟนคลับ ก่อนที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะขึ้นเวทีปราศรัย

จนกระทั่ง เวลา 20.00 น.นายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมในด้านต่างๆ ทั้งเรื่องการศึกษา การจัดสรรงบประมาณที่กระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ ไม่กระจายไปสู่ภูมิภาคอย่างทั่วถึง ทำให้คนต่างจังหวัดขาดโอกาสในชีวิต เรียนจบมาก็ต้องพยายามวิ่งเข้าไปทำงานในเมืองใหญ่ เนื่องจากสิ่งที่เป็นโอกาสดีๆ ของชีวิต บริษัทใหญ่ๆ จะกระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวง การกระจายอำนาจเป็นเรื่องที่สำคัญ เมื่อกระจายอำนาจสำเร็จก็จะสร้างโอกาสดีๆ ให้แก่ทุกๆ คน ยกตัวอย่างแม้แต่การสร้างรถไฟรางเบา รถไฟฟ้า ที่จะสร้างตามหัวเมืองสำคัญๆ ที่ประชากรอาศรัยอยู่หนาแน่น ก็ยังไม่สามารถสร้างได้ด้วยตนเอง กฎหมายยังคงต้องให้ส่วนกลางอนุญาต ทำให้เสียโอกาสในการสร้างความเจริญที่จะมาสู่ภูมิภาค การท่องเที่ยวก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก รวมทั้งการแปรรูปสินค้าการเกษตร ในต่างประเทศมีความทันสมัยกระจายไปตามต่างจังหวัด

นายธนากร กล่าวต่อว่า ตนอยากเห็นการสร้างรถเมล์ รถไฟฟ้าด้วยฝีมือคนไทย  ซึ่งจะสามารถนำรายได้เข้าประเทศได้อย่างมาก ไม่ต้องนำเงินไปซื้อจากต่างประเทศเป็นแสนๆ ล้านอย่างในปัจจุบัน ก่อเกิดการส้รางงานอย่างทั่วถึง สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากการรวมศูนย์อยู่เฉพาะในเมืองหลวง ต้องยุติการรวมศูนย์ราชการซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยยากจน เป็นความเหลื่อมล้ำทางอำนาจ การรวมศูนย์ไม่ตอบสนองการพัฒนาประเทศ เนื่องจากการออกกฎ ยังเป็นของเจ้ากรม เจ้ากระทรวงใน กทม.ไม่รู้เรื่องของคนต่างจังหวัด เป็นความไมเม่าเทียมกันของคนในสังคม ภาษีต่างๆ ก็เก็บไปกองไว้แล้วเอาไปพัฒนาแต่เมืองหลวง แล้วให้คน กทม.คนจากส่วนกลางเป็นผู้กำหนด เหลือเท่าไหร่จึงมาแบ่งให้อีก 76 จังหวัด

จึงไม่แปลกใจที่สิ่งที่ไม่อยากได้ จึงเกิดขึ้นกับคนต่างจังหวัดหลายอย่างเช่นการจัดซื้ออาวุธให้กองทัพ หากนำภาษีที่ได้มาแบ่งให้เป็นธรรม คนต่างจังหวัด รวมทั้งคนเชียงราย จะได้สาธารณูปโภคที่เป็นประโยชน์มากมาย จะได้โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ดีที่สุด ทำแบบนี้ประเทศจะเจริญขึ้น

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังกล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมากว่า 86 ปี แต่เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเพียง 27 ปีเท่านั้น การปกครองดังที่กล่าวทำให้ประเทศไทยโตแต่หัว งบประมาณไปกระจุกตัวอยู่เฉพาะเมืองใหญ่ เป็นเรื่องของอำนาจ พวกเราถูกสอนไม่ให้ยุ่งกับการเมืองเป็นเรื่องที่สกปรก แต่หากไม่ไปยุ่งกับการเมืองอำนาจจะไปอยู่กับคนที่ถืออำนาจ ที่เขาพูดเนื่องจากเขาไม่อยากให้เราไปทวงอำนาจนั้นคืนมา การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจ หากพูดเรื่องการเมือง นั่นคือเรืองของอำนาจ ภาษีที่เราต้องจ่ายไปทำงบประมาณถึงปีละ 3 ล้าน ๆ บาท ต้องแบ่งให้เป็นธรรม จะนำภาษีไปใช้อะไรนั่นก็คือเรื่องของอำนาจที่คนมีคนถืออยู่จะนำไปจัดสรรให้กับใคร คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจนำเงินภาษีไปใช้คือคนที่ถืออำนาจ ว่าจะไปใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์

การเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่เรื่องที่สกปรกอย่าไปเชื่อใคร ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ว่าด้วยอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงเท่ากัน เสมอภาคกัน ทุกคนก็ต้องใช้สิทธิ์เลือก สส.เข้าไปทำหน้าที่แทนในสภา ต่างกับหลักการของเผด็จการที่รวมศูนย์ที่คนไม่กี่คนเข้ามาปกครองจึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ และเอื้อประโยชน์เข้ากับกลุ่มทุน อาจมีบ้างเมื่อรู้สึกจวนตัวเท่านั้นที่ต้องนำเงินกลับมาสู่ประชาชน อย่าง 3 เดือนก่อนที่ไม่สามารถเลื่อนเลือกตั้งได้อีกแล้ว จึงนำเงินปีใหม่กลับมาให้ประชาชนผ่านบัตรประชารัฐ

ดังนั้น นี่คือความสำคัญของวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่เราต้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ทุกคนจะมีอำนาจเท่ากัน ทุกคนสามารถกำหนดอนาคตของเราเอง ว่าจะเดินไปในทิศทางไหน ที่ผ่านมาเรายากจนกันทั้งประเทศ มีการแต่งตั้ง สว.ที่ไม่เป็นธรรมที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มาเลือกนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ปปช.ที่ไม่มีการยึดโยงกับประชาชน มาทำหน้าที่ในการสืบทอดอำนาจ ใช้โอกาสวันที่ 24 ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง เราออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของเราไม่ใช่ชนวนแห่งความวุ่นวาย อย่ากลัว ให้รู้ว่าอำนาจเป็นของใคร เป็นของคนกลุ่มน้อย หรือเป็นของประชาชน นี่คือโจทก์ที่แหลมคมที่สุดของการเมืองไทยในวันนี้ เป็นภารกิจของพวกเรา อย่าส่งต่อสังคมแบบนี้ให้จบในรุ่นของเราในวันที่ 24 มีนาคม นี้

นายธนาธร ยังได้ขอร้องให้ช่วยเลือกผู้สมัคร สส.ของพรรคอนาคตใหม่ ในวันที่ 24 มีนาคม นี้ด้วย มีเหตุผลที่ต้องเลือกพรรคอนาคตใหม่มีมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกคือหน้าตาของผู้สมัค สส.ของพรรค ซึ่งไม่มีใครที่มาจากคนที่มาจากตระกูลเจ้ายศเจ้าอย่าง  ไม่มีใครมาจากตระกูลผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่มีใครเคยเป็น สส.หรือนักการเมืองมาก่อน ไม่เคยมีใครอยู่ในระบบอุปถัมภ์ เป็นคนหน้าใหม่ในวงการเมือง ทุกคนเป็นคนธรรมดาเหมือนกับเราทุกคน เป็นคนที่หลากหลาย และสิ่งที่สำคัญในครั้งนี้ พรรคจะให้คนที่เป็นคนเพศที่ 3 เข้าสภาให้ได้เพราะเขาก็เป็นคนเหมือนกับเรา มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน นี่คือพวกเราพรรคอนาคตใหม่ ขอให้โอกาสเดินหน้าไปด้วยกัน ใช้วันที่ 24 มีนาคม เป็นวันแรกที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทย

ขอฝากผู้สมัคร สส.ของพรรค ทั้ง จ.เชียงราย และ จ.พะเยา ไว้ให้ทุกคนได้ตัดสินใจลงคะแนน ขอให้ทุกท่านกล้าหาญในการตัดสินใจ และกล้าที่จะคุยเรื่องการเมืองกับทุกๆ คน ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ นี่เป็นเวลาที่ต้องตื่น เป็นเวลาที่ทุกคนต้องทำให้รู้ว่าทุกคนเสมอภาคกัน 24 มีนาคม เชียงราย-พะเยา ต้องเปลี่ยน ประเทศไทยต้องเปลี่ยน ซึ่งก่อนจบการปราศรัย นายธนาธร ยังได้เอ่ยปากเน้นย้ำฝากผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ ไว้ให้กับผู้ฟังทุกๆ คน อีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศของการปราศรัยทั่วไป เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะระหว่างการปราศรัย ประชาชนที่เข้ามารับฟัง รวมทั้งกลุ่ม เฟิร์ส โหวต ได้แสดงอารมณ์ร่วมปรบมือให้ระหว่างรับฟังเป็นระยะๆ พร้อมชูป้ายเชียร์ผู้สมัคร สส.ของพรรค และร่วมกันเปิดไฟฉายในโทรศัพท์ชูขึ้นเป็นสัญลักษณ์ หลังสิ้นสุดการปราศรัย มีประชาชนจำนวนมาก พร้อมกลุ่ม เฟิร์ส โหวต มาขอถ่ายรูปเซลฟี่กับ นายธนาธร เป็นจำนวนมาก จึงทำให้พิธีกรได้ขอร้องให้เข้าแถวเรียงหนึ่งทั้ง 2 ด้านข้างเวที ทำให้มีแถวยาวกว่าข้างละ 30 เมตร ซึ่งนายธนาธร ที่ได้ยืนรออยู่บนเวทีได้กดบันทึกภาพเซลฟี่กับแฟนคลับทุกๆ คน จนครบ และต่างแยกย้ายกันกลับที่พัก บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

 

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน