ธ.ก.ส.ตรัง แจกใหญ่แจกจริงเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชค รถยนต์เก๋ง จำนวน 4 คัน และรางวัลอื่น รวม 223 รางวัล มูลค่ากว่า 8.2 ล้านบาท
ธ.ก.ส.ตรัง แจกใหญ่แจกจริง เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 4 มี.ค.63 ณ บริเวณลานหน้าที่ทำการ ธ.ก.ส.สาขาตรัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง นายชาญยุทธ กาญจนพรหม ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดตรัง นางขนิษฐา วิสุทธิธรรม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดตรัง และคณะผู้บริหาร ร่วมมอบรางวัลเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชคให้กับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลจากงานจับรางวัลเงินฝาก “ออมทรัพย์ทวีโชค” ครั้งที่ 2/2562
โดยเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการด้านการเงินจัดขึ้นเพื่อมอบโชคแก่ผู้ฝากในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชค ซึ่งเป็นเงินฝากประเภทมีดอกเบี้ย และมีรางวัลเป็นสิ่งมอบแก่ผู้โชคดีในการจับรางวัลระดับจังหวัด ปีละ2ครั้ง ระดับประเทศปีละ 1ครั้ง และมีการจัดการโปรโมชั่นสมนาคุณพิเศษในโอกาสพิเศษต่างๆ โดยผู้มีสิทธิ์ ลุ้นรับรางวัลต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ และเงินฝากตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดขึ้น
โดยกิจกรรมการมอบของรางวัล ธกส.จังหวัดตรัง ได้จัดสรรรางวัลออกเป็น 4 ประเภท รวม 223 รางวัล มูลค่ากว่า 8,257,300 บาท ซึ่งรางวัลที่ 1 รถยนต์ MITSUBISHI New MIRAGE (GLs) จำนวน 4 รางวัล รางวัลที่2 รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ 110 I จำนวน 85 รางวัล รางวัลที่ 3 สร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท จำนวน 60 รางวัล
และรางวัลที่ 4 สร้อยคอทองคำ หนัก 2 สลึง จำนวน 74 รางวัลสำหรับกิจกรรมในวันนี้ได้มีการมอบรถยนต์ MITSUBISHI New MIRAGE (GLs) จำนวน 4 รางวัล ให้กับผู้โชคดีทั้ง 4 ท่าน ประกอบด้วย ผู้โชคดีคนที่ 1 ชื่อ นางคิ่ม สังข์ทอง ลูกค้า ธ.ก.ส.จังหวัดตรัง ผู้โชคดีคนที่ 2 ชื่อ นางสาวอุไรวรรณ รัตนะพันธ์ ลูกค้า ธ.ก.ส.สาขาย่านตาขาว ผู้โชคดีคนที่ 3 ชื่อ นางมิเดาะ เภอสม ลูกค้า ธ.ก.ส.สาขากันตัง
และผู้โชคดีคนที่ 4 ชื่อ นางกัลหา ตันสิน ลูกค้า ธ.ก.ส.สาขาห้วยยอด นอกจากนี้ก็ยังมีการมอบรางวัลที่ 2 รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ 110 I ให้กับผู้โชคดีที่ของสาขาตรัง จำนวน 8 รางวัล จากการสอบถามผู้โชคดี กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และจะบอกต่อเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ มาใช้บริการเงินฝากออมทรัพย์ทวีโชคของ ธ.ก.ส. เนื่องจากเป็นเงินฝากที่ได้รับดอกเบี้ยและยังได้ลุ้นโชครับรางวัลอีกด้วย
ทั้งนี้ทาง ธ.ก.ส. ต้องการเน้นส่งเสริมให้ลูกค้าเห็นคุณค่าของการออมเงินที่สามารถเก็บไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือจำเป็น ทำให้ตนเองไม่เดือดร้อนจนเกินไป ที่สำคัญเป็นการเพิ่มสินทรัพย์ สร้างความอุ่นใจ ความมั่นคงในการใช้ชีวิต อันถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอีกช่องทางหนึ่ง
