X

ตร.ชัยภูมิแจงขอความเป็นธรรมให้ตร.บ้างยันไม่มีละเว้นดำเนินคดีสาวเมาขับกระบะชนแหลก

ชัยภูมิ – ในทุกข้อหา หลังหนึ่งในญาติผู้เสียหายรถ จยย.ถูกชนกว่า 7 ราย เกิดความเข้าใจผิดต่อการทำงานของจนท.ตร.ว่าไม่ได้จำนวนเงินที่ขอต่อรองกับผู้ต้องหาตามที่ฝ่ายตัวเองต้องการ ซึ่งเป็นคดีแพ่ง ทางจนท.ตร.ท้องที่แจงไม่เกี่ยวกับคดีอาญาที่เกิดขึ้นผู้ต้องหายังต้องถูกดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องทุกคดีเด็ดขาดอยู่แล้ว แต่ญาติผู้เสียหายกลับไม่ยอมเข้าใจได้เดินทางร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนที่ส่วนกลางหลายสำนักที่กทม.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าจนท.ตำรวจท้องที่ไม่ยอมดำเนินคดีกับผู้ต้องหาดังกล่าวที่จะยอมจ่ายให้ผู้เสียหายทุกรายๆละ 10,000 บาทเท่านั้นเพื่อจบคดี มาตั้งแต่วานนี้นั้น ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดชัยภูมิ จึงติดตามเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในครั้งนี้เพิ่มเติมล่าสุด รอง.ผกก.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ เผยความในใจวอนขอความเป็นธรรมจากกระแสสังคมให้กับ จนท.ตร.ที่ตั้งใจทำหน้าที่ที่ดีในครั้งนี้ด้วย!!!

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 21 พ.ค.61 ผู้สื่อข่าวประจำจ.ชัยภูมิ ได้ติดตามความคืบหน้าล่าสุดต่อกรณีคดีที่เกิดขึ้น เมื่อเวลา 01.40 น.วันที่ 13 พ.ค.61 ที่ผ่านมา หลังทางด้าน พ.ต.ท.ฐิติพัฒน์  คำรังสี  สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชัยภูมิ รับแจ้งจากทางศูนย์วิทยุ 191สถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ ว่ามีอุบัติเหตุ มีรถกระบะพุ่งชนรถจักรยานยนต์จำนวนหลายคันมีผู้นอนบาดเจ็บร้องโอดโอยขอความช่วยเหลือเกลื่อนถนนอีกเป็นจำนวนมาก ที่บริเวณช่วงถนนบ้านมอดินแดง ถนนสายชัยภูมิ-ตาดโตน(ขาออกเมือง) จึงไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมหน่วยกู้ภัยสว่างคุณธรรมชัยภูมิ และ หน่วยเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินโรงพยาบาลชัยภูมิ

ซึ่งในที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ถูกชนล้มระเนระนาดเกลื่อนถนนจำนวน 7 คัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บนอนร้องโอดโอยขอความช่วยเหลืออยู่บริเวณกลางถนนรวมถึง 7 ราย เจ้าหน้าที่ต้องกระจายกำลังกันแต่ละจุดเร่งให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และ ให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลชัยภูมิเป็นการด่วน ซึ่งพบมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดรวม 7 ราย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย

ที่อาการยังสาหัส หนังศรีษะเปิด และปัจจุบันจนถึงวันนี้ยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลชัยภูมิ ประกอบด้วย ด.ช.ชนะศักดิ์  ไพศาลฤทธิ์ อายุ 14ปี อาศัยบ้านเลขที่ 120 หมู่ที่ 4 ตำบลรอบเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ และด.ช.สมพงษ์  มากมี อายุ 14 ปี อาศัยบ้านเลขที่หมู่ที่ 4 ตำบลรอบเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ

ส่วนด้านคนขับรถยนต์กระบะคันประกอบเหตุ ซึ่งก่อเหตุได้พยายามขับรถหลบหนีโดยไม่สนใจที่จะลงมาดูผู้บาดเจ็บทั้งหมดที่ถูกชนเลย ทางจนท.ตร.ได้เกะรอยไปพบว่าถูกนำมาจอดทิ้งไว้ห่างจากจุดที่เกิดเหตุ ราวประมาณ 5 กม. และมีประชาชนได้มาแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ไปตรวจสอบ และ พบเป็นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำ ป้ายทะเบียน บน 1586 หมวดจังหวัดชัยภูมิ จอดหลบซ่อนอยู่ข้างห้างสรรพสินค้า สาขาย้อยในหมู่บ้านช่อระกา และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบ พบ น.ส.อุมารีย์  หิรัญอร อายุ 30 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 45 หมู่ที่ 2 ตำบลห้วยไร่ อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ เป็นคนขับรถกระบะคันดังกล่าว และ รถกระบะคันดังกล่าว ยังอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับเยิน ยางหน้ารถแตกทั้ง 2 ข้างจนไม่สามารถขับขี่หนีไปต่อได้

ด้าน พ.ต.ท.ฐิติพัฒน์  คำรังสี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ จึงได้คุมตัว น.ส.อุมารีย์ ไปตรวจวัดปริมาณแอลกอลฮอล ก่อนพบว่ามีปริมาณแอลกอลฮอลในร่างกายที่สูงเกินกว่ากฎหมายกำหนดเกินกว่า 161 มิลลิกรัม ในเวลาขับขี่ ก่อนควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จนล่าสุดวานนี้เมื่อวันที่ 20 พ.ค.61 ทางญาติของด.ช.14 ปี ที่ได่รับบาดเจ็บสาหัสในครั้งนี้ เกิดความไม่พอใจต่อการทำงานของพนักงานสอบสวนครั้งนี้ ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อส่วนกลางหลายสำนักข่าว พร้อมทั้งเผยว่าภายในวันนี้21 พ.ค.61 เองก็จะเดินทางเข้าร้องเรียนเพิ่มเติมต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย

โดยทางญาติผู้เสียหายรายด.ช.14 ปี รายนี้ระบุว่าการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวนสภ.เมืองชัยภูมิ ตั้งแต่เกิดเหตุมาตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมากว่า 9 วันแล้ว กลับยังไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ขับรถกระบะก่อเหตุรายนี้ใดๆเลย ทั้งข้อหาเมาแล้วขับ รวมทั้งปล่อยให้มีการไกล่เกลี่ยตกลงกับระหว่างผู้ต้องหา และผู้เสียหายทั้งหมดที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและบาดเจ็บสาหัส ที่จะยอมจ่ายเงินให้รายละ 10,000 บาท และให้คดีนี้จบ

ซึ่งล่าสุดวันนี้(21 พ.ค.61 )  ทางผู้สื่อข่าวประจำจ.ชัยภูมิ จึงได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชัยวัฒน์  ใจสบาย รอง.ผกก.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ฐิติพัฒน์  คำรังสี  สว.(สอบสวน)สภ.เมืองชัยภูมิ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนี้โดยตรง เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ได้เปิดเผยต่อกรณีที่มีการร้องเรียนเกิดขึ้นครั้งนี้ว่า ต้องขอความเป็นธรรมให้กับตำรวจที่ทำหน้าที่พนักงานสอบสวนในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเกิดความเข้าใจผิดต่อความตั้งใจในการทำหน้าที่เป็นอย่างดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมากด้วย

ซึ่งคดีนี้มีขั้นตอนเตรียมดำเนินการกับผู้ต้องหารายนี้ทุกคดีอยู่แล้ว ทั้งเมาแล้วขับที่มีผลตอนวัดปริมาณแอลกอฮอร์สูงเกินกฎหมายกำหนดอยู่แล้วกว่า 161 มิลิกรัมเปอร์เซ็นต์ซึ่งกฎหมายไม่ให้เกิน 50 ฯ รวมทั้งขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเป็นอันตราสาหัส และมีการเฉี่ยวชนแล้วหลบหนี ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วยทั้งหมดอยู่แล้ว

ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงรวบรวมพยานหลักฐานตามขั้นตอนกฎหมายอยู่แล้ว จะให้รีบฟ้องในข้อหาเมาแล้วขับไปก่อน ตามที่ผู้เสียหายเข้าใจ ก็จะทำให้อีกหลายข้อหาตกไปได้ เพื่อตามกกหมายฟ้องทีละคดีฟ้องซ้ำกันไม่ได้จะเสียประโยชน์กับผู้เสียหายได้ ซึ่งเรื่องนี้ข้อกฎหมายนักกฎหมายก็ทราบกันดี

ส่วนกรณีที่เปิดให้มีการพูดคุยทางแพ่งกับผู้ต้องหา และผู้เสียหาย ที่ช่วงนี้ยังไม่ได้ออกจากรพ.อีกรวม 4 ราย ที่เหลืออีก 2 ราย ยังต้องรักษาตัวต่อที่รพ. และรายที่ออกจาก รพ.มาแล้ว ทางผู้ต้องหาก็อยากช่วยรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อขอพูดคุยเพื่อช่วยเยี่ยวยาเรื่องรถ จยย.ที่พังเสียหาย และค่ารักษาตามแต่มากน้อย ว่าผู้เสียหายใครเจ็บมาก เจ็บน้อย หรือได้รับความเสียหายมากแต่กรณีของแต่ละคนเท่านั้น

ที่ในส่วนของคนที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทางผู้ต้องหารายนี้ก็พร้อมจะช่วยรายละ 10,000 บาท และช่วยนำรถ จยย.ไปซ่อมคืนให้เท่านั้น แต่ก็เกิดความคาดเคลื่อนกับญาติผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บมาก ว่าเป้นเรื่องที่ช่วยเหลือเงินเยี่ยวยาน้อย และเข้าใจผิดว่าเป็นการเหมาจ่ายจากผู้ต้องหารายนี้ว่าให้ รายละ 10,000 บาท แล้วให้จบคดี ซึ่งไม่ใช่ เป็นเรื่องที่ผู้ต้องหากับผู้เสียหายที่ทางตำรวจเปิดให้พูดคุยกับเท่านั้น และทางตำรวจเองไม่สามารถไปบังคับใครได้ว่าต้องให้จ่ายใครเท่านั้นเท่านี้ได้ เป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่ายคู่กรณีไปตกลงกันเอาเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เกี่ยว ไม่พอใจก็แจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีทางแพ่งช่วยเพิ่มได้ มีขั้นตอนตามกฏหมายอยู่แล้ว

แต่ไม่ใช่จะให้ตำรวจไปบังคับให้ผู้ต้องหาใครจ่ายให้ผู้เสียหาย คนนั้นคนนี้ต้องได้เท่านั้นเท่านี้คงไม่ได้ เมื่อเกิดความไม่พอใจก็มาลงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่ได้ ทางตำรวจเองก็อยากจะชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นครั้งนี้เพื่อขอเป็นธรรมในครั้งนี้ด้วย ซึ่งไม่ใช่จ่าสยเงินตกลงกันได้เองแล้วก็จบ ส่วนคดีอาญาทั้งหมดผู้ต้องหาก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมดด้วยอยู่แล้ว

“ซึ่งทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้เสียหายต้องเห็นใจว่าเจ้าหน้าที่ตั้งใจทำหน้าดำเนินการตามกฏหมายกับผู้ก่อเหตุและช่วยเหลือผู้เสียหายเต็มที่อยู่แล้ว และไม่อยากให้คิดว่าตำรวจไม่สามาถช่วยให้ผู้ก่อเหตุจ่ายค่าเยี่ยวยาให้ตามใจผู้เสียหายที่ต้องการได้ แล้วก็มาโทษตำรวจว่าไม่เป็นธรรมไม่ดำเนินคดีกลับไปช่วยผู้ต้องหาอะไรแบบนี้อีกเลย ซึ่งผู้เสียหายมีอะไรที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมพอตามความเหมาะสมเป็นจริงก็มาแจ้งต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมโดยตรงได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางด้าน พ.ต.ท.ชัยวัฒน์  ใจสบาย รอง.ผกก.สส.สภ.เมืองชัยภูมิ กล่าวทิ้งท้ายฝากขอความเป็นธรรมและเห็นใจไปถึงญาติผุ้เสียหายในความตั้งใจในการทำงานของตำรวจพนักงานสอบสวนผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองในครั้งนี้ด้วย”

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

น้อมรับการทำหน้าที่สื่อเพื่อประชาชนมายาวนานกว่า25ปีเพื่อชาวชัยภูมิพร้อมเป็นเครือข่ายการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีในนามสมาคมนักข่าวจังหวัดชัยภูมิและชมรมสื่อมวลชนชัยภูมิพร้อมรับใช้ชาวชัยภูมิและเป็นเวทีให้กับประชาชนทุกท่านตลอดไปมีอะไรเดือดเนื้อร้อนใจติดต่อมาที่ทีมงาน77ข่าวเด็ดชัยภูมิเราได้หรือที่[email protected]