X

แม่ใจสลายวอนลูกสาวขอเงินคืนสูงกว่า1.3ล้านหาให้ไม่ได้ถูกฟ้องไล่ที่ยึดบ้านไร้ที่อยู่!

ชัยภูมิ – จนปัจจุบันต้องถูกบังคับคดีประกาศให้ออกจากที่ดินและบ้านดังกล่าวแล้ว ฝากวอนขอความเป็นธรรมกับบุตรสาวรายนี้ที่ปัจจุบันไปทำงานอยู่ประเทศญี่ปุ่นและติดต่อไม่ได้ อยากให้รีบกลับมาพูดคุยกันดีๆและอยากให้ความเป็นธรรมกับแม่ ญาติพี่น้องคนอื่นๆด้วย ที่หลังลูกสาวรายนี้เองที่เคยส่งเงินมาให้รวมเพียงกว่า 130,000 บาท แต่มาปัจจุบันจะขอคืน 1.3 ล้านบาท ทางแม่และพี่สาวก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนมาให้ได้ จนต้องมาถูกบุตรสาวรายนี้จ้างทนายฟ้องจนตัวผู้เป็นแม่เองต้องถูกบังคับคดีติดประกาศขับไล่ให้ออกจากที่ดินและบ้านทั้งหมดเกิดขึ้นจนไร้ที่อยู่แล้ว!!

( 20 ธันวาคม 2561 ) ขณะที่จ.ชัยภูมิ  หลังชาวโลกออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวของหญิงวัย 66 ปี รายหนึ่ง ที่ถูกลูกสาวของตนเองฟ้องขับไล่ออกจากบ้านและที่ดิน โดยให้สามีซึ่งเป็นทนายไปฟ้องศาล นอกจากนี้ยังมีการระบุว่า ลูกสาวได้ขู่แม่ว่าให้นำเงินจำนวน 1.3 ล้านบาทมาให้ เป็นค่าที่ดินที่แม่บุกรุกเข้าไปสร้างบ้าน ไม่เช่นนั้นจะดำเนินการทางกฏหมายทั้งจะจับแม่ติดคุกในด้วย

ซึ่งเรื่องราวดังกล่าว มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ นางบุญตา  ภูคอนจิตร ได้โพสต์ข้อความระบุว่า วอนโซเชียล แม่วัย 66 ปี ร่ำไห้ เมี่อถูกลูกสาวแท้ๆ ฟ้องขับไล่แม่คดีบุกรุกพื้นที่ ปลูกสร้างบ้านในที่ดินชึ่งแม่เป็นคนชื้อแล้วใส่ชื่อให้กับลูกใว้ในโฉนด และแม่ได้อาศัยอยู่มานานกว่า 18 ปี แล้วในปัจจุบัน โดยลูกสาวไม่เคยมาสนใจ พอรู้ว่าแม่มาปลูกบ้านจึงให้สามีที่เป็นทนายนำเรี่องขึ้นฟ้องศาลขับใล่แม่บังเกิดเกล้าให้ออกจากบ้านและที่ดินดังกล่าว

โดยอ้างกับศาลว่า แม่ไม่เคยเลี้ยงดู ครั้งหนึ่งกว่า 10 ปีมาแล้ว ลูกสาวเคยส่งเงินมาให้แม่รายนี้จำนวน 130,000 บาท เพื่อให้แม่เก็บไว้ใช้จ่ายดูแลตัวเอง แต่จังหวะนั้นผู้เป็นแม่เห็นว่ามีคนมาถามขายที่ดิน แม่ได้ยิน เข้าก็เลยขอชื้อเอาใว้ และเงินไม่พอก็ไปขอระดมจากลูกๆที่มีทั้งหมด 5 คน และญาติพี่น้องมาช่วยเพิ่มเติมเพื่อหวังเก็บไว้เป็นอนาคตให้กับลูกสาวที่ฟ้องแม่รายนี้

จนได้มีการก่อสร้างบ้านพร้อมราคาที่ดินในจุดดังกล่าวไปรวมกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งผู้เป็นแม่ด้วยความหวังดีทั้งชื่อเจ้าอขงอที่ดินและบ้านดังกล่าวเป็นชื่อของบุตรสาวรายนี้ที่ปัจจุบันไปทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และเมื่อช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ลูกสาวรายนี้ทราบว่าแม่นำเงินจำหน่วยที่ตนเองเคยส่งให้มารวม 130,000 บาท ไปซื้อที่ดินและปลูกบ้านไว้ให้และกรรมสิทธิ์ในที่ดินบ้านดังกล่สวเป็นชื่อของตนเอง กลับขอเรียกเงินค่าที่ดินดังกล่าวที่เคยให้มาก่อนที่จะมีการสร้างบ้านในที่ดินดังกล่าวขึ้น รวม 130,000 บาท แต่จะขอเงินคืนจากผู้เป็นแม่เพิ่มขึ้นอีกเป็น 1.3 ล้านบาท มาคืนแทน แล้วถึงจะให้แม่และทางลูกคนอื่นๆอีก 4 คน เข้ามาอยู่ในที่ดินตนเองได้

โดยลูกสาวรายนี้ได้ใช้อำนาจทางกฏหมายมาข่มขู่แม่ว่า ถ้าไม่หาเงินมาให้จำนวน 1,300,000 บาท จะต้องมีการแจ้งจับแม่ขังคุก และจะทุบบ้านแม่ทิ้งในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทางโลกโซเชียลทราบเรื่องจึงได้มีการพากันโพส วิงวอนผ่านโลกโชเชียลเป็นศูนย์กลางช่วยแชร์ ให้ผู้มีอำนาจช่วยตรวจสอบและช่วยเหลือแม่รายนี้ด้วย ซึ่งปัจจุบันแก่ยังมีโรครุมเร้าหลายโรค จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่ทราบเรื่องช่วยกันแชร์หาทางช่วยเหลือแม่วัยชรารายนี้เป็นการด่วนด้วย

โดยล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านกรณีที่เกิดขึ้น ที่บ้านของนางบุญตา  ภูดรจิตร อายุ 66 ปี ที่อาศัยอยู่บ้านเลขที่186 หมู่ที่ 9 บ้านสวนอ้อย ตำบลกวางโจน อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ จึงได้เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า  เรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มตั้งแต่เมื่อ 18 ปี ที่ผ่านมาตนมีลูกทั้งหมดรวม 5 คน โดยมีลูกสาวคนที่ 3 ชื่อว่านางมยุรี  โอกะสะ อายุ 43 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 39/36 หมู่ที่ 2 ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้ไปทำงานต่างประเทศ และได้ส่งเงินมาให้แม่เก็บไว้เพื่อใช้จ่ายดูแลตัวเอง จำนวน 130,000 บาท และ บอกกับแม่ว่าหากมีคนขายที่ให้แม่ซื้อใว้ทำกิน จนกระทั้งมีคนในระแวกบ้านได้ประกาศขายที่ดินในราคาจำนวน 130,000 บาท ตนจึงนำเงินที่ลูกสาวส่งมาให้ที่เหลือบางส่วนที่นำไปใช้จ่ายไปหลายหมื่นบาทแล้ว พร้อมกับได้ขอจากลูกหลาน ญาติพี่น้องคนอื่นๆมาเพิ่มให้ครบอีกหลายหมื่นบาท เพื่อรีบนำไปซื้อที่ดังกล่าวจำนวน 5 ไร่ เป็นเงินรวม 130,000 บาท

พอตนเองซื้อที่ดินเสร็จ ตนจึงได้ใช้ชื่อในที่ดินเป็นของนางนางมยุรี  โอกะสะ บุตรสาวคนดังกล่สว และผ่านไปประมาณกว่า  15 ปี ตนได้ใช้ให้ญาติพี่น้องทำนา พร้อมเก็บสะสมเงินเพิ่มมาตลอด จนพอมีเงินที่จะนำมาสร้างบ้านหลังละกว่า 2 ล้านบาท ในที่ดินดังกล่าวจนแล้วเสร็จ พอตนสร้างเสร็จลูกสาวรายนี้ที่ปัจจุบันไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น กลับเกิดไม่พอใจ และอยากให้แม่หาเงินเป็นค่าที่ดินทั้งหมดที่เคยให้มารวม 130,000 บาท มาคืนแต่จะขอทบต้นดอกเพิ่มขึ้นรวมเป็น 1.3 ล้านบาท และถ้าหาให้ไม่ได้ยังข่มขู่แม่มาตลอดว่า จะจ้างให้ทนายฟ้องศาล เพื่อเรียกร้องที่ดินที่เป็นชื่อของตนคืนทั้งหมดด้วย

จึงมีการมอบหมายให้ทนายฟ้องจำเลยที่ 1 ที่เป็นพี่สาวของตนเองอีกคนชื่อนางวาสนา  เทพวงษ์ อายุ 46 ปี อาศัยบ้านเลขที่ 107 หมู่ที่ 9 ตำบลกวางโจน อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นพี่สาวคนที่ 2 พร้อมกับฟ้องแม่ตนเองเป็นจำเลยคนที่ 2 ในครั้งนี้ด้วย จนกระทั้งกระบวนการศาลผ่านมาช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีการไกล่เกลี่ยให้จำเลยทั้งพี่สาวและแม่รายนี้ ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 1 ล้าน 3 แสน บาท โดยศาลให้ทางผู้เป็นแม่รายนี้ เซ็นต์ยินยอมต่อหน้าศาล เพื่อเซ็นยินยอมความ โดยจะจ่ายค่าเสียหายให้กับบุตรสาวรายนี้ ซึ่งด้านผู้เป็นแม่ลูกสาวที่ยื่นฟ้องตัวเองครั้งนี้อยากจะฝากวิงวอนลูกสาวเห็นใจแม่บ้าง ที่เงินบ้างส่วนที่เอามีซื้อที่ดินและสร้างบ้านดังกล่าวที่เกิดขึ้น ไม่ใช้ของบุตรสาวที่ฟ้องแม่รายนี้คนเดียว ยังมีพี่น้องต่างบิดา รวมอีก 4 คน และญาติๆระดมมาช่วยกัน และถ้าเป็นไปได้ให้มาคุยกันดีๆ เพราะตอนนี้แม่พยายามโทรติดต่อลูกสาวที่อยู่ญี่ปุ่นรายนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย อยากให้กลับมาคุยกันถ้าจะยึดเอาไปคนเดียวคนอื่นก็เดือดร้อน เป็นไปได้นำไปขายมาแบ่งกันตามสมควรจะดีกว่า และไม่อยากให้มาไล่รื้อไล่ทุบบ้านทิ้งก็จะไม่เกิดประโยชน์อายชาวบ้านคืนอื่นเขา ที่ไม่อยากให้เห็นครอบครัวตัวเองมาทะเลาะกันแบบนี้อีกเลย

ขณะที่ทางด้านนายณรงค์   วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ ได้รับรายงานต่อกรณีที่เกิดขึ้นว่า หลังมีข่าวแพร่หลายออกไปทางโลกโซเชียลจำนวนมากในขณะนี้ทางจังหวัดได้ตรวจสอบความเป็นมาของคดีครั้งนี้เบื้องต้น คือ นางบุญตา  ภูดอนจิตร ผู้เป็นมารดา อายุ 66 ปี บ้านเลขที่ 186 ม.9 ต.กวางโจน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ได้ปลูกสร้างบ้านในที่ดินของบุตรสาวคือ นางมยุรี  โอกาสะ อายุ 43 ปี และน.ส.วาสนา เทพวงศ์ อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 107 ม.9 ต.กวางโจน (พี่สาวต่างบิดาของนางมยุรีฯ) เจ้าของบ้านที่ปลูกในที่ดินของ นางมยุรีฯ

ตามข้อเท็จจริงซึ่งศาลได้มีการตัดสินไปแล้วซึ่ง  น.ส.วาสนาฯ และมารดารายนี้ ถูก นางมยุรีฯ น้องและบุตรสาว ฟ้องร้องให้ออกจากที่ดินซึ่ง นางมยุรี ฯบุตรสาวรายนี้ได้ซื้อเก็บไว้ เพื่อให้ นางบุญตา (มารดา) ทำการเกษตรกรรมเพื่อเลี้ยงชีพ ต่อมา น.ส.วาสนาฯ พี่สาวต่างบิดาของนางมยุรีได้นำที่ดินแปลงดังกล่าวมาปลูกสร้างบ้านของตนเอง คือ บ้านเลขที่ 107 ม.9  ต.กวางโจน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ในปัจจุบัน ทางด้านนางมยุรี ได้ฟ้องร้องและมีการตกลงชดใช้ค่าที่ดินเป็นเงินรวม 1 ล้านบาท ให้แก่ นาง.มยุรีฯ  เป็นรายปีๆละ 200,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี แต่ น.ส.วาสนาฯและมารดา ที่ได้ร่วมกันเซ้นต์ยินยอมต่อคดีที่เกิดขึ้น ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง จึงถูกฟ้องร้องและถูก สนง.บังคับคดีภูเขียว ปิดหมายขับไล่ออกจากที่ดินแปลงดังกล่าวในปัจจุบันแล้ว/ ซึ่งทางจังหวัดชัยภูมิ ก็อยากให้ทางผู้แม่บุตรและแม่ ครอบครัวญาติพี่น้องของครอบครัวนี้ควรจะหันหน้าคุยกันแก้ปัญหาในเรื่องนี้จะเป็นหนทางแก้ไขปัญหานี้ได้ดีที่สุดในขณะนี้ด้วย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

น้อมรับการทำหน้าที่สื่อเพื่อประชาชนมายาวนานกว่า25ปีเพื่อชาวชัยภูมิพร้อมเป็นเครือข่ายการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีในนามสมาคมนักข่าวจังหวัดชัยภูมิและชมรมสื่อมวลชนชัยภูมิพร้อมรับใช้ชาวชัยภูมิและเป็นเวทีให้กับประชาชนทุกท่านตลอดไปมีอะไรเดือดเนื้อร้อนใจติดต่อมาที่ทีมงาน77ข่าวเด็ดชัยภูมิเราได้หรือที่[email protected]