การเมืองในจังหวัดแพร่ ดูเหมือนว่าจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนรัฐบาล และ อีกฝ่ายหนึ่งอยู่ฝ่ายค้านซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายอีกเช่นกันคือฝ่ายคณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย ส.ส.นายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.แพร่ พรรคอนาคตใหม่ เขต 1 และ นายกฤติเดช สันติวชิระกุล ส.ส.แพร่ พรรคอนาคตใหม่ เขต 2 ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย เข้าไปอยู่ในขั้วรัฐบาลทั้ง 2 คน การย้ายพรรค กลุ่มคณะก้าวหน้า และ พรรคก้าวไกล ต่างออกมาประณามในการส่งให้ไปเป็น ส.ส. แต่กลับมาย้ายพรรค โดยพากันเรียก ส.ส.ทั้งสองว่า “งูเห่า” ในช่วงแรกๆ มีการชุมนุมประท้วงการย้ายพรรค และสร้างกระแสการไม่ยอมรับ ส.ส.ย้ายพรรค
อย่างไรก็ตาม นายเอกการ ซื่อทรงธรรม และ นายกฤติเดช สันติวชิระกุล ไม่ให้ความสำคัญของการออกมาคัดค้านของกลุ่มการเมืองเก่า โดยเริ่มด้วยการพัฒนาโครงการสร้างทางสี่ช่องทางจราจรจากเมืองแพร่ ไปยังอำเภอวังชิ้น ซึ่งถือเป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญของจังหวัดแพร่ ด้วยงบประมาณนับ 1,000 ล้านบาท สิ่งเหล่านี้เป็นความพยายามที่จะสร้างศรัทธาให้เกิดกับประชาชนทั้ง 2 เขตเลือกตั้ง นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมร่วมกับกระแสการต้านไวรัสโควิด 19 ด้วยการออกท้องที่จุดเสี่ยงต่อการเกิดโรค จัดหาเครื่องวัดอุณภูมิร่างกาย หน้ากากอนามัย ไปช่วยในชมุชนอย่างเงียบๆ
ล่าสุด ส.ส.ทั้งสองคนพยายามเข้าช่วยพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม โดยนำเครื่องใช้สิ่งของจำเป็นไปมอบให้ แม้ถุงซิฟใส่ศพผู้ประสบภัย ส.ส.ทั้งสองคนมีความพร้อมเพียงพอที่จะนำไปบริการให้กับหน่วยกู้ภัยได้อย่างทันท่วงที ล่าสุด ชาวบ้านที่แก่งหลวง ต.แม่ปาน อ.ลอง จ.แพร่ ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในแม่น้ำยม กู้ภัยค้นหาศพอยู่นานถึง 3 วัน สภาพศพเน่าแล้ว ถุงซิฟห่อศพจึงมีความสำคัญมาก
วันที่ 21 ก้นยายน ที่ผ่านมา นายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.จังหวัดแพร่ เขต 1 พร้อมคณะเดินทางไปมอบสิ่งของจำเป็นสำหรับผู้ประสบภัยน้ำป่าถล่ม ที่ ตำบลป่าแดง และ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองก จังหวัดแพร่ ทั้งวัดพุทธ คริส มุสลิม ไปหมด พบปะพี่น้องประชาชน ถามสารทุกข์ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤต พร้อมทั้งหาทางช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เร่งหน่วยงานรัฐเข้าไปช่วยในฐานะ ส.ส. ในฝั่งฝ่ายบริหารประเทศ
สิ่งเหล่านี้ ดูเหมือนว่า ส.ส. แพร่ทั้งสองคนไม่มองปัญหาที่ตนเองต้องเผชิญ แต่มุ่งเดินไปตามภาระหน้าที่ เดินฝ่าปัญหาออกไปสู่การสร้างศรัทธาต่อประชาชนชาวแพร่ ทำให้กระแสการต่อต้านลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นวิธีการ และแนวทาง ที่ท้าทายสำหรับนักการเมืองหน้าใหม่ทั้ง 2 คน ว่าพวกเขาจะครองใจชาวแพร่ได้หรือไม่เมื่อฤดูกาลเลือกตั้งใกล้มาถึงในไม่ช้า
