เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2561 ห้อง ประชุมเบญจรงค์ โรงแรมเกทเวย์ จังหวัดพะเยา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งจังหวัดพะเยา ร่วมกับมูลนิธิพะเยาเพื่อการพัฒนา สำนักงานขนส่งจังหวัดพะเยา สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดพะเยา จัดเวที “ทำสัญญาด้วยใจ ใกล้ไกลปลอดภัยทุกครั้ง” โดยเน้นการทำความร่วมมือระดับจังหวัดเพื่อทำ MOU ในการเลือกใช้รถโดยสารและการใช้สัญญาเช่ารถที่เป็นธรรมและปลอดภัย โดยมีนายกเทศมนตรี นายยกองค์การบริหารส่วนตำบลและผู้บริหารอปท. ทั้ง 72 แห่ง มีผู้เข้าร่วมทำสัญญา 80 คน เป็นเวทีทำความเข้าใจระบบความปลอดภัยในการเช่ารถโดยสารสาธารณะ และความมั่นคงปลอดภัยในการทำงานเมื่อมีการโดยสารรถยนต์สาธารณะ
โครงการดังกล่าว เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาอุบัติภัยเหตุทางถนนในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายงานสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนนโลกขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในปีพ.ศ. 2560 พบว่า
ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนมากขึ้นจนติดอันดับ 1 ของโลก มีอัตราเสียชีวิต 36.2 รายต่อแสนประชากร แซงหน้าประเทศลิเบีย ประกอบกับข้อมูลเชิงลึกพบว่าประเทศลิเบียมีการสู้รบภายในประเทศอัตราการเสียชีวิตที่แท้จริงจึงไม่ใช่อุบัติเหตุทางถนน ทำให้ไทยก้าวไปสู่อันดับ 1 ทันที โดยยอดผู้เสียชีวิตช่วงปีใหม่ของไทยปี 2560 พุ่งขึ้นกว่า 400 รายเนื่องจากเมาแล้วขับ และใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดในการขับขี่ ล่าสุดเว็บไซต์เวิลด์แอตลาสยังยกให้ไทยครองแชมป์คนตายบนถนน และในปี 2561 ยังพบว่ามีอุบัติเหตุจากรถโดยสารสาธารณะเกิดขึ้นในทุกๆ วัน ด้วยเหตุนี้องค์กรพัฒนาเอกชนด้านอุบัติภัย เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานขนส่งจังหวัดพะเยา สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดพะเยา และผู้บริหารท้องถิ่นได้ร่วมหารือ พูดคุย มีความเห็นพ้องต้องกันจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นกับความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินที่มากกว่าการเกิดสงครามเสียอีก ในที่ประชุมได้ร่วมกันทำข้อตกลง(MOU) กรณีการเลือกใช้รถโดยสารสาธารณะและการทำสัญญาเช่ารถตามกฎหมายซึ่งทำให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายและปลอดภัยพร้อมทั้งมีการคุ้มครองผู้โดยสารในรถตามที่กฎหมายคุ้มครอง
นายสันติ วงค์ชัย สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดพะเยา กล่าวว่า การใช้รถโดยสารสาธารณะ
ที่ไม่ทำสัญญาถูกต้อง เมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอย่างมากมายโดยเฉพาะการคุ้มครองและการเรียกค่าเสียหายตามสิทธิ์ของผู้โดยสาร ที่ผ่านมาจะพบว่าประชาชนและหน่วยงานได้ใช้บริการเช่าเหมารถโดยสารสาธารณะ ที่เป็นรถทัศนาจรทั้งในรูปแบบของรถตู้ หรือรถทัศนาจรขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นการประชุมและศึกษาดูงานตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งพบว่าจากสถิติการเกิดอุบัติจากรถโดยสารทัศนาจรจะทำให้เสียทรัพย์สินและเสียชีวิต ต้องเสียบุคลากรที่เป็นกำลังหลักของหน่วยงานอยู่เสมอๆ รวมทั้งการชดเชยหรือการช่วยเหลือกับเป็นเรื่องยาก ถ้ารถคันที่เกิดอุบัติเหตุไม่มีสัญญาว่าจ้างอย่างถูกต้อง
คุณอัญชลี พันธุ์ปัญญา รักษาการนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานป้องกันและ
สาธารณภัยจังหวัดน่าน สาขาเชียงกลาง กล่าวว่า การขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนนจำเป็นต้องมีการวางแผนระยะยาวมีการที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศในระยะเวลา 20 ปี ทั้งนี้ รัฐบาลประกาศ
ให้ปี พ.ศ. 2554– 2563 เป็นทศวรรษแห่งการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางถนน ตามกรอบปฏิญญามอสโก
โดยมีเป้าหมายให้สามารถลดอัตราการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางถนนของทั้งโลก ร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ. 2563 (ประเทศไทย กำหนดค่าเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางถนนต่ำกว่า 10 คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคน) ดังนั้น แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2561 – 2564 จึงได้จำทำยุทธศาสตร์ระยะเวลา 20 ปี เพื่อมุ่งไปสู่ “สร้างวิสัยทัศน์ มุ่งสู่ศูนย์” โดยพัฒนาระบบริหารจัดการที่มีความเข้มแข็งและสนับสนุนการขับเคลื่อนงานของทุกภาคส่วน ควบคู่กับการสื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่สังคมปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน
นางสาววชิราวัลย์ เอี่ยมใจตรง สำนักงานขนส่งจังหวัดพะเยา กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกยังคงเดินหน้า
ทุกมาตรการเพื่อยกระดับความปลอดภัย เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดกับรถโดยสารสาธารณะ
อย่างต่อเนื่อง มีการปรับมาตรการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุให้มีความเข้มข้นขึ้นยิ่งกว่าเดิม เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมทั้งควบคุมการตรวจสอบสภาพรถโดยสารสาธารณะให้มีมาตรฐานความปลอดภัย
อย่างยั่งยืน กำชับเข้มงวดผู้ประกอบการขนส่งและพนักงานขับรถ ให้มีการบำรุงดูแลรักษาสภาพรถให้มีความมั่นคงแข็งแรง รถพร้อม/คนพร้อม อย่างจริงจัง ซึ่งกรมการขนส่งทางบก ยังคงดำเนินการตรวจสอบความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ ทุกคันทุกคน อย่างเข้มงวดต่อเนื่อง
นางสาวพวงทอง ว่องไว มูลนิธิพะเยาเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการใช้รถโดยสารสาธารณะในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดพะเยาได้ให้ความสำคัญร่วมลงนามในข้อตกลงดังนี้คือ 1. กำหนดให้มีการใช้สัญญาเช่ารถทุกครั้งของการดำเนินการเช่ารถโดยสารสาธารณะ 2. ต้องเลือกใช้รถตามประเภทรถตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก และเลือกพนักงานขับรถ
ที่ชำนาญเส้นทาง 3. หลีกเลี่ยงการใช้รถโดยสาร 2 ชั้นในเส้นทางเสี่ยง 4. สนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่มีการตื่นตัว มีข้อมูลและเข้าใจสถานการณ์ปัญหา เพื่อตระหนักเรื่องการเลือกใช้รถโดยสารที่ปลอดภัยมากขึ้น นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับการแก้ปัญหาอุบัติภัยบนท้องถนนในจังหวัดพะเยาที่มีหน่วยงาน อปท.ร่วมกันทำงานและเห็นความสำคัญในด้านความปลอดภัยดังกล่าว เชื่อว่าการทำ MOU ดังกล่าวจะทำให้อุบัติเหตุลดลงและการบังคับใช้กฎหมายในการรักษาพยาบาลและการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุมีประสิทธิภาพตามที่กฎหมายกำหนด
