X

นักเศรษฐศาสตร์-นักวิชาการ หนุนชู ‘ระเบียงเศรษฐกิจชายแดน’ เป็นกลไกพื้นที่เกื้อเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ – นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลก ประสานเสียงนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ ผลักดันให้เกิดระเบียงเศรษฐกิจชายแดนเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านอย่างเป็นรูปธรรม เสริมสร้างความมั่นคงระบบเศรษฐกิจไทย และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มใหม่ของพัฒนาการเศรษฐกิจโลก

ดร.ชนินทร์ มโนภินิเวส นักเศรษฐศาสตร์โครงสร้างพื้นฐาน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ประจำธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการประชุมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อแสวงหาแนวทางการยกระดับความมั่นคงและพัฒนาคุณภาพชีวิตชายแดน ซึ่งหน่วยบริหารจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จัดขึ้น ว่า

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการค้าขายภายในแต่ละในภูมิภาคมากขึ้น ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายแดนเป็นการลงทุนที่ดีในการเชื่อมโยงการขนส่งผ่านแดน การเชื่อมด้วยรถไฟความเร็วสูง ที่ สปป.ลาวและจีนทำ ซึ่งจะมาเชื่อมกับไทย ถือว่าช่วยเรื่องการขนส่งได้ เนื่องจากปัจจุบัน การค้าขายระหว่างอาเซียนและจีนกว่า 95% ของสินค้าจากอาเซียนที่ส่งไปขายที่จีน ยังใช้เส้นทางขนส่งทางน้ำ เมื่อมีรถไฟความเร็วสูง ทำให้มีช่องทางในการส่งสินค้าไปทางตอนใต้ของจีนได้รวดเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม จะต้องดูเรื่องต้นทุนและประสิทธิภาพการขนส่งด้วย โดยประสิทธิภาพของการขนส่งสินค้าข้ามแดนบางส่วน เกี่ยวข้องกับเรื่องกฎหมาย และกฎระเบียบการขนส่งสินค้าข้ามแดน เพราะบางครั้งปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นจากกฎระเบียบของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน

“การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ แต่ละประเทศจำเป็นต้องหารือกันถึงความร่วมมือกันให้ชัดเจน เพราะปัจจุบัน ประเทศในระเบียงเศรษฐกิจเดียวกัน ต่างประกาศว่าจะเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) กันหมด ก็ย่อมทำให้ระเบียงเศรษฐกิจหมดความหมายไป เช่น การเชื่อมโยงจากไทย สปป.ลาว ไปยังเวียดนามจะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกันได้มากขึ้น เมื่อคำนึงถึงเรื่องความเข้าใจอันดี ความสมดุล ความเป็นธรรม และความเป็นมิตรที่ดีต่อกันมากขึ้น” ดร.ชนินทร์ มโนภินิเวส กล่าว

ด้านพลเอกสุรสิทธิ์ ถนัดทาง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ระบุว่า พื้นที่ชายแดนมีศักยภาพที่สามารถยกระดับให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจหลักได้ เห็นได้จากมูลค่าการค้าชายแดนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนทางภาคใต้ที่สามารถเชื่อมโยงไปไกลตั้งแต่มาเลเซีย สิงคโปร์ จนถึงอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันในชายแดนทางด้านจังหวัดหนองคาย กำลังตื่นตัวอย่างมากกับการที่ประเทศลาวมีรถไฟฟ้าความเร็วสูง

“แม่น้ำโขง เดิมทีไม่ใช่เส้นกั้นพรมแดน แต่เป็นเส้นทางที่ไทยและประเทศเพื่อนบ้านใช้ร่วมกัน พอเป็นเส้นแบ่งวิธีคิดก็เปลี่ยนไป ต้องเปลี่ยนทัศนคติเดิมให้หมดไป แล้วมาสร้างความรู้มาแลกเปลี่ยนกัน ทุกประเทศต้องร่วมมือกันทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา เป็นเศรษฐกิจสังคมร่วมกัน และต้องเป็นอย่างนี้ในทุก ๆ พื้นที่ชายแดนด้วย”

ส่วนนายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ชี้ว่า การสร้างความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ เช่น กรณีโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ทำให้เกิดเป็นระเบียงเศรษฐกิจของแม่น้ำโขงใน จ.เชียงราย ซึ่งในระยะต้นจังหวัดอื่น ๆ ก็เห็นว่าเป็นเรื่องของเชียงรายเท่านั้น แต่ปัจจุบันจังหวัดภาคเหนือเกิดความเข้าใจและเห็นประโยชน์ร่วมกันแล้ว จากตอนแรกที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ อย่าง จ.ลำพูน มีนิคมอุตสาหกรรมก็สามารถมองได้ว่า สินค้าจากโรงงานจะเข้าตลาด GMS ได้อย่างไร จึงเกิดการมองแบบภูมิภาคขึ้นมา

นายพัฒนา กล่าวอีกว่า ตั้งแต่อดีต ปัญหาการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน คือ เรื่องจุดผ่านแดน เพราะมักจะเน้นการลงทุนโครงสร้างของด่านผ่านแดน ขณะที่กฎระเบียบการผ่านแดนนั้นถือว่ายังมีข้อจำกัดอยู่มาก ตามนโยบายของแต่ละประเทศทำให้เป็นต้นทุนการทำธุรกิจที่สูง

ขณะที่ ศ.ดร.รุธิร์ พนมยงค์ คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจชายแดน นอกจากการเชื่อมต่อที่เป็นหัวใจสำคัญแล้ว ยังต้องพิจารณาในเรื่อง กรอบปฏิบัติ กฎระเบียบ ข้อตกลงต่าง ๆ ระหว่างประเทศ ทั้งในระดับทวิภาคี ไตรภาคี พหุภาคี หรือในระดับอนุภูมิภาค หรือภูมิภาค ซึ่งแต่ละประเทศจะต้องปรับปรุงให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกันให้ได้

“ที่ผ่านมาข้อต่อที่อ่อนแอที่สุด คือ จุดผ่านแดน ถือเป็นหัวใจหลักเวลาที่เราพูดถึงการเชื่อมโยง และเป็นความท้าทายอย่างมากเพราะมีการบริหารโดยนโยบายภายในของรัฐ ถ้ามีการพิจารณาให้สอดคล้องระหว่างความต้องการของภูมิภาคและความต้องการภายในจะสร้างประโยชน์มากกว่า”

ศ.ดร.รุธิร์ ชี้ว่า ความสำเร็จของระเบียงเศรษฐชายแดนอยู่ที่การสร้างความคล่องตัวของข้อมูล กายภาพ และเงินทุน ซึ่งทั้งสามปัจจัยจะส่งผลให้ระเบียงเศรษฐกิจประสบความสำเร็จอย่างเต็มศักยภาพ

ภายหลังการประชุมดังกล่าว รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กรของ บพท. ระบุว่า การเชื่อมโยงทางการค้าและมูลค่าทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโดจีนมีการเติบโตขึ้นมาก ขณะที่ประเทศไทยก็มีนโยบายเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษมาก แต่การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากนโยบายนี้ยังทำได้ไม่มากเท่าที่ควร

ดังนั้น บพท.จึงตั้งเป้าหมายในปี 2566 เพื่อส่งเสริมการวิจัยด้านต่าง ๆ เช่น การเชื่อมโยงชายแดนด้วยคนและวัฒนธรรม การเชื่อมโยงด้วยโครงสร้างพื้นฐาน การเชื่อมโยงด้วยการลงทุน และการเชื่อมโยงทางนโยบาย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้มีข้อยืนยันชัดเจนจากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ซึ่งระบุว่ามูลค่าการค้าชายแดนปี 2564 อยู่ที่ 1.71 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 33 จากปี 2563 ทั้งที่อยู่ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19

“เราหวังว่าจะเป็นงานวิจัยที่ทุกฝ่ายนำเอาไปใช้ประโยชน์ เพื่อช่วยขยายเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ เป็นระเบียงเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สร้างความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย” รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม กล่าวทิ้งท้าย

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"