X

มติ กนง. 4:3 คงอัตราดอกเบี้ย 0.50 % พร้อมปรับขึ้น GDP เป็น 3.3 %

กรุงเทพฯ – คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติเสียงส่วนใหญ่ 4 ต่อ 3 เสียง คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50 % ต่อปี พร้อมปรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ปี 65 จาก 3.2 % เป็น 3.3 % คาด เงินเฟ้อพุ่งแตะจุดสูงสุดในไตรมาส 3/2565
 
วันที่ 8 มิถุนยน 2565 นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงว่า ที่ประชุม กนง. เห็นว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่องและมีโอกาสฟื้นตัวดีกว่าที่ประเมินไว้ จากอุปสงค์ในประเทศและแรงส่งจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น จึงมีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี เพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจในระยะต่อไปจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องตามคาด โดยจะติดตามพัฒนาการของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด

ขณะที่กรรมการ 3 ท่าน เห็นว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ มีความชัดเจนเพียงพอที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25 % ต่อปี ในการประชุมครั้งนี้

กนง. ยังประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2565 จะขยายตัวอยู่ที่ 3.3 % ปรับเพิ่มจาก 3.2 % ในการประชุมครั้งก่อน ส่วนปี 2566 จะขยายตัว 4.2 % จากการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวดีกว่าคาดมาก โดยเฉพาะในหมวดบริการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการเปิดประเทศของไทยและต่างประเทศที่เร็วขึ้น

สำหรับตลาดแรงงานและรายได้ครัวเรือน มีสัญญาณปรับดีขึ้นตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่การระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยจำกัด อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป โดยเฉพาะผลกระทบจากต้นทุนและค่าครองชีพที่สูงขึ้นต่อการบริโภคภาคเอกชน

เลขานุการ กนง. แถลงต่อว่า ในส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2565 และ 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 6.2 % และ 2.5 % ตามลำดับ โดยอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงเกินกรอบเป้าหมายตลอดปี 2565 จาก 2 ปัจจัยสำคัญที่ไม่สามารถควบคุมได้ คือ ราคาพลังงานโลกและการส่งผ่านต้นทุนภายในประเทศที่สูงขึ้น กระจายตัวในหมวดสินค้าหลากหลายขึ้น อีกทั้งยังเป็นผลจากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทานเป็นสำคัญ โดยอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางไม่ได้ปรับสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่า ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะขึ้นไปแตะระดับสูงสุด หลังจากนั้น จะเริ่มทยอยปรับลดลง และเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในปี 2566

ทั้งนี้ ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง รวมทั้งสภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง แต่การกระจายสภาพคล่องยังแตกต่างกันบ้างในแต่ละภาคเศรษฐกิจ ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจบางกลุ่มยังเปราะบาง รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง จึงอาจมีความอ่อนไหวต่อค่าครองชีพและต้นทุนที่สูงขึ้น

กนง. จึงเห็นว่า มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นผลในวงกว้าง และสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในระยะยาว รวมทั้งเห็นความสำคัญของการมีมาตรการเฉพาะจุดสำหรับกลุ่มเปราะบาง

ขอบคุณภาพจาก : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"