สถ. แจง ถ้าไม่มีหนังสือแจ้งประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็ไม่มีภาระต้องเสีย

กรุงเทพฯ – อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ชี้แจง การเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ถ้ายังไม่มีหนังสือแจ้งประเมิน ถือว่าไม่มีภาระต้องเสียภาษี ยืนยัน อปท. ไม่สามารถแจ้งประเมินภาษีย้อนหลังได้ และผู้บริหารท้องถิ่นสามารถขยายเวลาการชำระภาษีได้

จากปัญหาประชาชนวิตกกังวล การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งกระทรวงการคลังระบุว่า หากประชาชนไม่ได้จ่ายภาษีที่ดินภายในเดือนสิงหาคม 2563 จะมีค่าปรับ 10-40 % แต่ประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งภาษีที่ดินฯ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าออกหนังสือให้ไม่ทัน และไม่ได้รับความชัดเจนว่า จะมีการผ่อนผันให้อย่างไรหรือไม่ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก

นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ชี้แจงดังนี้
♦ หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. ยังไม่มีหนังสือแจ้งประเมินไปยังผู้เสียภาษี ถือว่าผู้เสียภาษีไม่มีภาระต้องไปเสียภาษีตามกฎหมาย ซึ่งอาจมีหลายสาเหตุ เช่น กรณีเป็นเจ้าของบ้านและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี หากมูลค่าฐานภาษีกรณีใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัย ไม่เกิน 50 ล้านบาท หรือ 10 ล้านบาท แล้วแต่กรณี หรือเป็นบุคคลธรรมดาใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในการประกอบการเกษตร จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีในปี 2563-2565, หนังสือแจ้งประเมินภาษีส่งไปแล้วไม่มีผู้รับ จดหมายจึงถูกตีกลับ, ไม่อยู่ในฐานข้อมูลการสำรวจผู้อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีของ อปท. (ตกสำรวจ)

♦ อปท. ไม่สามารถแจ้งประเมินภาษีย้อนหลังได้ ดังนั้น แม้ว่าจะมีหน้าที่เสียภาษี แต่หากเกิดกรณี อปท. ไม่แจ้งประเมินภาษีภายในปี 2563 ผู้เสียภาษีก็ไม่มีภาระต้องไปเสียภาษีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

♦ ผู้บริหารท้องถิ่นสามารถขยายเวลาการชำระภาษี ให้เกินกว่าเดือนสิงหาคม 2563 ได้ แต่ต้องดำเนินการก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เห็นชอบให้ขยายเวลาดำเนินการตามกฎหมายออกไปเป็นการทั่วไป เฉพาะการจัดเก็บภาษีในปี 2563 ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ใน 2 กรณี ดังนี้

1.กรณีผู้บริหารท้องถิ่นเห็นเป็นการสมควรเพื่ออำนวยประโยชน์แก่ผู้เสียภาษี สามารถอนุมัติขยายเวลาการชำระภาษีออกไปเป็นการทั่วไปเฉพาะในเขต อปท. ได้ โดยประกาศเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ซึ่งผู้เสียภาษีไม่ต้องเสียเบี้ยปรับร้อยละ 10-40 รวมถึงเงินเพิ่มร้อยละ 0.5-1 ตามกฎหมาย เช่น ปัจจุบันเมืองพัทยาได้มีการขยายเวลาการชำระภาษีของผู้เสียภาษีออกไปจนถึงเดือนตุลาคม 2563 กรณีเช่นนี้ ผู้เสียไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามกฎหมาย

2.กรณีผู้เสียภาษีมีเหตุจำเป็นไม่สามารถชำระภาษีได้ ภายในเดือนสิงหาคม 2563 หรือภายในระยะเวลาที่ผู้บริหารท้องถิ่นอนุมัติขยายออกไปตามข้อ 3.1 ผู้เสียภาษีสามารถยื่นเรื่องขอให้ผู้บริหารท้องถิ่นขยายเวลาการชำระภาษีออกไปเป็นรายกรณีได้ โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ แต่ต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 0.5 ต่อเดือน

♦ กรณีผู้เสียภาษีได้รับหนังสือแจ้งประเมินภาษีจาก อปท. ล่าช้า เช่น ได้รับแจ้งเกินกว่าเดือนสิงหาคม 2563 ผู้เสียภาษีสามารถใช้สิทธิคัดค้านการประเมินต่อผู้บริหารท้องถิ่นได้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน

♦ กรณีค่าภาษีตั้งแต่ 3,000 บาท ผู้เสียภาษีสามารถขอผ่อนชำระภาษีได้ 3 เดือน นับแต่เดือนที่ต้องชำระภาษี โดยเสียภาษีในจำนวนเท่ากันทุกเดือน

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถชำระภาษีได้หลายช่องทาง ดังนี้
1.ชำระตรง ณ ที่ทำการ อปท.
2.ชำระผ่านไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ เช่น ธนาณัติ ตั๋วแลกเงิน เช็ค
3.ชำระผ่านธนาคาร เช่น โอนเงินผ่านเลขที่บัญชีของ อปท., ชำระผ่านระบบ QR Payment (ATM, Internet Banking, Mobile Banking, ชำระตรงผ่านธนาคาร)
4.ชำระผ่านระบบอื่นตามที่มีการทำบันทึกข้อตกลงไว้

อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ระบุด้วยว่า เนื่องจากปี 2563 เป็นปีเริ่มแรกของการบังคับใช้ พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 ประกอบกับเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จึงทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งในส่วนของ อปท. ที่อาจดำเนินการล่าช้าหรือไม่ถูกต้อง รวมถึงประชาชนผู้เสียภาษีที่รายได้ลดลงจากการหยุดกิจการ ซึ่งรัฐบาลได้ตราพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราร้อยละ 90 ให้แก่ทุกกลุ่มที่เสียภาษีในปี 2563 ไปแล้ว

ทั้งนี้ รายได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ถือเป็นรายได้หลักที่สำคัญของ อปท. ซึ่งจะนำไปใช้จ่ายในการพัฒนาและจัดทำบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้ง อปท. ที่จะต้องดำเนินการด้วยความเป็นธรรมต่อประชาชน และประชาชนผู้เสียภาษี ดังนั้น จึงขอให้ผู้เสียภาษีติดตามข้อมูลข่าวสาร เรื่องการขยายเวลาการชำระภาษีดังกล่าว จาก อปท. ซึ่งตนเองถือครองทรัพย์สินอยู่

โดยในกรุงเทพมหานคร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองรายได้ กรุงเทพมหานคร หรือฝ่ายจัดเก็บรายได้ของสำนักงานเขตทุกเขต  ส่วน อปท. อื่น สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองคลัง ของแต่ละ อปท.