X

“8 เมษายน” สงขลาจัดพิธีวางพวงมาลารำลึก “กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์”

“สงขลาเมืองสองทะเล”…เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา ธุรกิจการค้า การบริการและการขนส่งสำคัญของภาคใต้และในวันนี้ซึ่งตรงกับวันที่ 8 เมษายน ของทุกๆปีนับเป็นวันสำคัญอีกวันสำหรับพี่น้องชาวสงขลา

ดร. สมศักดิ์ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา นำข้าราชการเทศบาลนครสงขลา ร่วมพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ณ บริเวณลานพระอนุสาวรีย์ฯ บนเขาน้อย เพื่อน้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ในวันที่ 8 เมษายนของทุกปี โดยมีนายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธาน

โดยในวันนี้เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่านกรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ทางจังหวัดสงขลาจัดให้มีพิธีวางพวงมาลาเพื่อร่วมรำลึกถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพรกรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ โดยทางจังหวัดได้ขอความร่วมมือหน่วยราชการทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนนำพวงมาลามาถวายเป็นราชสักการะ ซึ่งก่อนหน้านี้เทศบาลนครสงขลา นำโดยดร.สมศักดิ์ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา ในฐานะเจ้าของพื้นที่ได้นำเจ้าหน้าที่ร่วมกันตัดเก็บกวาดกิ่งไม้พร้อม ล้างฝุ่นบนทางเดิน เพื่อทำความสะอาดพื้นที่และภูมิทัศน์รอบๆ ให้มีความพร้อมและเป็นระเบียบสวยงาม

กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ มีพระนามเต็มว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2425 สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2475 สิริพระชนมายุ 50 พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดสงขลา ดูแลปกครองมณฑลปักษ์ใต้ 3 มณฑล คือ มณฑลสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช ปัตตานี

ตลอดช่วงเวลา 15 ปี พระองค์เป็นผู้ปกครองที่ข้าราชการ และราษฎรรักใคร่เป็นอย่างยิ่ง ทรงประกอบพระกรณียกิจที่สร้างคุณประโยชนน์ต่อชาวใต้อย่างมหาศาล สำหรับจังหวัดสงขลา พระองค์ยังได้สร้างสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ พระตำหนักเขาน้อย วังขาว วังเขียว โรงเรียนวรนารีเฉลิม และเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระองค์ กรมทางหลวง ได้ตัดถนนหมายเลข 414 เชื่อมระหว่างสงขลา-หาดใหญ่ และตั้งชื่อถนนสายนี้ว่า “ถนนลพบุรีราเมศวร์” เส้นทางสายนี้เป็นที่รู้จักของคนใช้เส้นทางสงขลา-หาดใหญ่

ชื่อนี้ที่มากกว่าเส้นทาง จากการค้นข้อมูลจากเอกสารพบว่า…พลเอกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ มีพระนามเดิมว่า “พระองค์เจ้าชายยุคลทิฆัมพรบดินทรเทพนิพัทธิ์ขัตติยราชกุมาร”ทรงประสูติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2425 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 41 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อทรงมีชันษาได้ 6 พรรษา ในปี พ.ศ.2431 พระราชบิดาได้สถาปนาเป็น”พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้ายุคลฑิฆัมพร “ในปี พ.ศ. 2434 ทรงมีชันษาได้ 9 พรรษา ได้รับการสถาปนาเป็น” สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพรฯ กรมหมื่นลพบุราดิส”

ต่อมาในปีพ.ศ.2449 ได้รับการสถาปนาเป็น “สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมขุนลพบุรีราเมศวร์” ทรงได้รับการศึกษาขั้นต้นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในราชสำนัก ต่อมาพระราชบิดาส่งไปศึกษาวิชาการที่ประเทศอังกฤษ โดยได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ทรงสอบได้ปริญญาโทเกียรตินิยมทางอักษรศาสตร์ เสด็จกลับประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2449 ขณะทรงมีพระชนมายุ 24 พรรษาทรงรับราชการครั้งแรก ในกรมพลัมภัง(กรมการปกครองในปัจจุบัน) กระทรงวงมหาดไทย

ระหว่างปี พ.ศ. 2453-2458 โปรดเกล้าฯให้ทรงดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาล มณฑลนครศรีธรรมราช ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ที่เมืองสงขลา ท่านนับเป็นเจ้านายพระองค์แรก และพระองค์เดียวที่เป็นข้าหลวงต่างพระเนตร พระกรรณ แห่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฐานะสมุหเทศภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช และเป็นอุปราชปักษ์ใต้ ซึ่งมีอำนาจบังคับบัญชา มณฑลสุราษฎร์ธานี มณฑลนครศรีธรรมราช และมณฑลปัตตานี ระหว่างปี พ.ศ.2458-2468 รวมระยะเวลาที่ประทับอยู่ภาคใต้นานถึง 15 ปี และทรงเป็นต้นราชสกุล “ยุคล”

พ.ศ. 2468 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็น “สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์” ทรงศักดินา 50,000 และในปีเดียวกัน โปรดเกล้าฯให้ทรงรั้งตำแหน่ง เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ต่อจากเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) และในปี พ.ศ. 2473 ทรงดำรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรี ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ขณะดำรงตำแหน่งสุมหเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช และอุปราชมณฑลปักษ์ใต้ ทรงมีพระทรรนะว่าปักษ์ใต้สามารถสร้างความเจริญให้เกิดขึ้นได้ ในหลายประการสถาน พระองค์จึงได้ทรงทำหนังสือทูลเสนาบดีกระทรวงหมาดไทยในขณะนั้น เป็นต้นว่า ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2453 พระงองค์ได้เสด็จไปตรวจราชการที่เมืองนครศรีธรรมราช เมืองพัทลุง และเมืองสงขลา ทรงทำหนังสือทูลเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยถึงเรื่องการทำถนนในเมืองสงขลาว่า พระยาชลบุรานุรักษ์ได้รื้อกำแพงเมืองสงขลา และจะทำถนนไปบนรากกำแพง พระองค์ท่านเห็นว่าการรื้อจะเปลืองเงินเปลืองเวลา จึงเสนอให้ทำถนนบนที่ราบริมกำแพงนอเมือง รือกำแพงเป็นตอน ๆ เอาหินถมถนน จะทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น และราคาประหยัดกว่าทำถนนบนรากกำแพง

สำหรับเมืองพัทลุงนั้น กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ได้เสนอแนวความคิด ที่จะทำถนนติดต่อระหว่างเมืองพัทลุงกับเมืองตรังให้ดีขึ้น เพราะเดิมเป็นทางเกวียนอยู่แล้วเมืองนครศรีธรรมราช เสนอให้ขุดคลองระโนดให้ลึก และขุดคลองซอยจากคลองใหญ่ เข้าทุ่งมาหาเขาพระบาท เขาพังไกร โดยใช้เรือขุด พระองค์ทรงมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาบ้านเมืองด้านการคมนาคมขนส่ง และ การดำรงชีพ ของประชาชนมาก ทรงเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อกระทรวงหมาดไทย 4 เรื่องคือ1.เรื่องอ่าวสงขลา พันโคคอล นายตำรวจภูธรมณฑลภูเก็ต ได้เสนอความเห็นจ่อสุมหเทศภิบาลมณฑลภูเก็ต ให้เอานักโทษทั้งหมดมาทำลายเกาะหนู ที่ปากน้ำทะเลสาบสงขลา เพื่อสร้างเขื่อนกั้นคลื่นลม ซึ่งเป็นตัวการที่นำเอาตะกอนดินมาทับถมปากน้ำทะเลสาบ แต่พระองค์ไม่เห็นด้วย!

ทรงเสนอว่าควรสร้างเขื่อน “เบรควอเตอร์” กันคลื่นหน้ามรสุมให้เรือใหญ่เข้าจอดหน้าอ่าวสงขลาได้ เขื่อนนี้ ทำได้ยากลงทุนมาก แต่ถ้าทำสำเร็จจะมีประโยชน์อย่างมหาศาล และยังมีทางที่จะพัฒนาอ่าวสงขลาได้อีกทางหนึ่ง คือการขุดลอกร่องน้ำให้ลึกสำหรับเรือขนาดกลางเข้าออกได้ นี่คือปฐมที่มาของการสร้างเชื่อคอนกรีตถมหินที่แหลมสนอ่อน และการขุดลอกร่องน้ำในปัจจุบัน และสามารถทำให้เรือขนาดกลาง และใหญ่ เข้ามาจอดขนถ่ายสินค้า ที่ท่าเรือสงขลา 2. เรี่องถนน ทรงเสนอความเห็นต่อรัฐบาลว่า ควรสร้างถนนใหม่สายใหญ่ เดินคู่ไปกับทางรถไฟสายใต้ ถนนที่สร้างนั้น จะต้องตัดผ่านหมู่บ้านสำคัญ ๆ แต่ไม่ควรห่างจากทางรถไฟมากกว่า 20 เส้น และสร้างถนนย่อยๆ ไปยังหมู่บ้านต่างๆ เพื่อขนถ่ายสินค้ามาป้อนรถไฟ3.เรื่องเหมืองแร่ ขณะนั้นรัฐบาลได้ประกาศปิดเหมืองแร่ที่อยู่ใกล้ทางรถไฟที่จะสร้าง แต่พระองค์ทรงเห็นว่าควรประกาศเปิดได้แล้ว เพราะ เพราะมีผู้พบแร่วุลแฟรม ซึ่งมีราคาดี และเป็นที่ต้องการของตลาด 4.เรื่องที่ดิน ทรงเห็นว่า ประชาชนในภาคใต้ กำลังแตกตื่นขอที่ดินปลูกยางพารา และมะพร้าว มีการถือครองที่ดินโดยไม่มีโฉนด และตราแดงเป็นหลักฐาน จึงทำให้การวินิจฉัยเรื่องกรรมสิทธิ์ ที่ดินนั้นยาก

ดังนั้นทรงต้องการให้มีกฏหมายที่ดิน ที่กำหนดเนื้อที่ถือครองให้สมดุลกับทุน และมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ การใช้ที่ดิน ตั้งบริษัท และอัตราภาษีที่ดิน เนื่องจากขณะนั้นเรื่องที่ดินยังอยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการเมืองและนายอำเภอ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้นำรายงานความคิดเห็นของพระองค์ฯ ขึ้นกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชวินิจฉัย เรื่องอ่าวสงขลาว่า การลงทุนมาก และขอให้ไปรึกษาหารือกับกระทรวงเกษตรก่อน สำหรับเรื่องที่ดิน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นด้วยที่จะต้องมีกฏหมายที่ดิน

เรื่องถนนรัฐบาลเห็นด้วย แต่ติดขัดตรงงบประมาณ เพราะเพิ่งสร้าง ทางรถไฟสายใต้ ซึ่งต้องกู้เงินจากอังกฤษถึง 4 ล้านปอนสเตอริ่ง สำหรับเรื่องเหมืองแร่นั้น รัฐบาลเห็นด้วยที่จะเปิดเหมืองแร่ใหม่ ตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่พระองค์ ดำรงตำแหน่งเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช และอุราชภาคใต้ ทรงเลือกเอาเมืองสงขลาเป็นที่ตั้งที่ว่าการมณฑลในวาระแรกที่พระองค์มาประทับใหม่ๆ อยู่ ณ สัณฐานคาร ซึ่งเป็นอาคารในบริเวณโรงเรียนวิเชียรชม ต่อมาทรงราบว่า อาคารนี้ผู้สร้าง มีวัตถุประสงค์ใช้เป็นโรงเรียนมหาวชิราวุธ จึงทรงสร้างสัณฐานคารขึ้นใหม่ เป็นตึกเล็กๆ ใกล้กับสระบัว บริเวณหน้าโรงเรียนเทศบาล 4 (บ้านแหลมทราย) ซึ่งต่อมาใช้เป็นที่ว่การอำเภอ และโรงเรียนเทศบาล 4 ซึ่งสัณฐานคารนั้นบัดนี้ ได้ถูกทำลายลงหมดแล้ว

พ.ศ. 2454 ย้ายไปประทับที่ตำหนักเขาน้อย พระองค์ทรงมีบทบาทหลายด้านต่อภาคใต้ มีส่วนสำคัญที่ปกป้องแผ่นดินปักษ์ใต้ ให้พ้นจากการคุกคามของอังกฤษ เพราะผู้ว่การเกาะสิงคโปร์ ซึ่งมีอำนาจครอบงำมาเลเซียตอนนั้นเป็นเพื่อนนักเรียนร่วมห้องกับพระองค์ สมัยเรียนที่อังกฤษ พระองค์ท่านทรงอภิเษกกับพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงเฉลิมเขตรมงคล พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธวรพันธุวรเดช เมื่อ พ.ศ.2450 ทรงมีพระโอรส 3 พระองค์คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ

พลเอกสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ สิ้นพระชมน์เมื่อปี พ.ศ.2475 ขณะทรงมีพระชนมายุเพียง 50 พรรษา

สำหรับการเดินทางมาสักการะอนุสาวรีย์กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ สามารถเดินทางสู่เขาน้อยซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเขาตังกวน ทางขึ้นเขาจะอยู่ที่บริเวณวงเวียนแหลมสมิหลา บนเขาน้อยยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามโดยเฉพาะการมองลงมายังทะเลอ่าวไทย ชาวงแหลมสนอ่อนจะเห็นส่วนโค้งของทะเลได้อย่างชัดเจน รวมถึงชมเกาะหนู เกาะแมว ที่จะช่วยให้เห็นภาพหนูแมวชัดเจนยิ่งขึ้น…ที่สำคัญทุกๆ วันที่ 8 เมษายน จะมีพิธีวางพวงมาลาเพื่อร่วมรำลึกถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพรกรมหลวงลพบุรีราเมศวร์บนเขาน้อยแห่งนี้…เขาน้อยนอกจากเสมือนปอดของคนเมือง มีทางขึ้นลงที่สบายเป็นที่ออกกำลังกายและมีจุดชมวิวที่งดงามแล้ว…ที่แห่งนี้คือความทรงจำอันทรงคุณค่า

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

korphai ริมภู

korphai ริมภู

* นักเขียนอิสระ * นักข่าวอิสระ